SOLAR ลุยกัมพูชา ร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนาของ NGO นำเสนอข้อมูลระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์และระบบชาร์จจิ้งแบตเตอรี่ หวังปูทางสู่ตลาดกัมพูชาไปในตัว เหตุประเทศยังไม่มีโรงไฟฟ้าทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูง ฟุ้งได้รับความสนใจเป็นอย่างดี โดยรูปแบบเป็นการขายผ่านดีลเลอร์กัมพูชาและร่วมมือกับ Grundfos จากเดนมาร์ก เผยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาขายระบบชาร์จจิ้งแบตเตอรี่กับโรงแรม 2 แห่ง ในกรุงพนมเปญ มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้า 500-750 ล้านบาท
นางปัทมา วงษ์ถ้วยทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3-7 เมษายนที่ผ่านมา ผู้บริหารของบริษัทได้เดินทางไปเปิดตลาดที่กัมพูชา โดยการเป็นวิทยากรแนะนำระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์และระบบชาร์จจิ้งแบตเตอรี่ ในงานสัมมนาของกลุ่ม NGO ซึ่งได้เชิญเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกัมพูชาเข้ารับฟัง ซึ่งถือว่าตรงกับความต้องการที่บริษัทต้องการเปิดตลาดที่กัมพูชาอยู่แล้ว
" กัมพูชาไม่มีโรงไฟฟ้า โดยจะอาศัยไฟฟ้าจากการปั่นไฟจากน้ำมันดีเซล ซึ่งต้องนำเข้าในราคาที่แพงกว่าบ้านเรากว่าลิตรละ 10 บาท โดยน้ำมันดีเซล 1 ลิตร สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2.5 หน่วย หรือคิดเป็นราคาหน่วยละ 20 บาท ถือว่าแพงมาก หลังจากปั่นเสร็จก็จะเอาแบตเตอรี่รถยนต์ไปชาร์จเก็บไว้ใช้ในตอนกลางคืน ซึ่งแบตเตอรี่รถยนต์ชาร์จไม่ได้ลึก เพียง 6 เดือนก็ต้องซื้อใหม่ ต่างกับแบตเตอรี่ของบริษัทมีอายุการใช้งาน 2-4 ปี ส่วนราคาก็ไม่ต่างกันมาก ดังนั้นจะเป็นตลาดที่โตได้อีกมาก เช่นเดียวกับระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ที่บริษัทได้นำรถเข้าสาธิต" นางปัทมากล่าว
ทั้งนี้ การไปร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ ทำให้ข้าราชการกัมพูชาได้เข้าใจระบบพลังงานแสงอาทิตย์ว่าสามารถใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ รวมถึงมีความสนใจที่จะทำโครงการร่วมกับบริษัท โดยเฉพาะเรื่องน้ำดื่ม เนื่องจากน้ำดื่มที่นั่นยังไม่ค่อยสะอาด พร้อมกับมีความต้องการมาเยี่ยมชมที่ไซด์จริงของบริษัทที่ปากช่อง ซึ่งหลังจากกลับมาคณะของรัฐบาลกัมพูชาก็ได้มาเยี่ยมชมบริษัทแล้ว 3 ครั้ง
สำหรับรูปแบบการลงทุนในกัมพูชาจะเป็นการผ่านดีลเลอร์ที่เป็นชาวกัมพูชา ซึ่ง SOLAR จะฝึกอบรมให้ดีลเลอร์เข้าใจระบบต่างๆ และการบำรุงรักษา ร่วมถึงร่วมมือกับ Grundfos บริษัทจากเดนมาร์ก ซึ่งมีดีลเลอร์อยู่แล้ว 20 แห่ง ในกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ โรงแรมต่าง ๆ ในกรุงพนมเปญมักจะประสบปัญหาไฟฟ้าดับ เมื่อมีจำนวนคนใช้ไฟฟ้าพร้อมกันจำนวนมาก โดยทางโรงแรมเหล่านี้ก็มีความต้องการระบบชาร์จจิ้งแบตเตอรี่ของบริษัท ซึ่งบริษัทก็ได้เข้าไปสำรวจแล้ว 2 แห่ง ซึ่งขณะนี้อยูในขั้นตอนการพิจารณาของโรงแรมว่าจะซื้อมากน้อยเท่าไหร่
นางปัทมา กล่าวต่อถึง แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/51 จะออกมาน่าพอใจ หากเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน อย่างไรก็ดีในไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทได้รับงานประมูลไปแล้วประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ให้มากขึ้นตามแผนงานที่วางไว้ สำหรับภาพรวมปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถทำรายได้ถึงเป้าหมาย 500-750 ล้านบาท ตามกระแสการขยายตัวของการใช้พลังงานทดแทนและนโยบายสนับสนุนใช้พลังงานทดแทนของรัฐบาล
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 50 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 50 บริษัทมียอดขาดทุน 90.99 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปี 49 จำนวน 51.13 ล้านบาท ลดลง 142.12 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้รวม 115.27 ล้านบาท เปรียบเทียบกับรายได้รวมในปี 49 จำนวน 1,111.73 ล้านบาท หรือลดลง 89.63% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งภาครัฐกำลังปรับปรุงนโยบายพลังงานทดแทน ทำให้การผลักดันงานในโครงการต่างๆ ของภาครัฐเกิดความล่าช้า หรือชะลอการตัดสินใจซื้อและลงทุนประกอบกับบริษัทอยู่ในช่วงการปรับปรุงระบบภายในของบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพการขยายตลาดไปยังภาคเอกชนและส่งออก
นางปัทมา วงษ์ถ้วยทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3-7 เมษายนที่ผ่านมา ผู้บริหารของบริษัทได้เดินทางไปเปิดตลาดที่กัมพูชา โดยการเป็นวิทยากรแนะนำระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์และระบบชาร์จจิ้งแบตเตอรี่ ในงานสัมมนาของกลุ่ม NGO ซึ่งได้เชิญเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกัมพูชาเข้ารับฟัง ซึ่งถือว่าตรงกับความต้องการที่บริษัทต้องการเปิดตลาดที่กัมพูชาอยู่แล้ว
" กัมพูชาไม่มีโรงไฟฟ้า โดยจะอาศัยไฟฟ้าจากการปั่นไฟจากน้ำมันดีเซล ซึ่งต้องนำเข้าในราคาที่แพงกว่าบ้านเรากว่าลิตรละ 10 บาท โดยน้ำมันดีเซล 1 ลิตร สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2.5 หน่วย หรือคิดเป็นราคาหน่วยละ 20 บาท ถือว่าแพงมาก หลังจากปั่นเสร็จก็จะเอาแบตเตอรี่รถยนต์ไปชาร์จเก็บไว้ใช้ในตอนกลางคืน ซึ่งแบตเตอรี่รถยนต์ชาร์จไม่ได้ลึก เพียง 6 เดือนก็ต้องซื้อใหม่ ต่างกับแบตเตอรี่ของบริษัทมีอายุการใช้งาน 2-4 ปี ส่วนราคาก็ไม่ต่างกันมาก ดังนั้นจะเป็นตลาดที่โตได้อีกมาก เช่นเดียวกับระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ที่บริษัทได้นำรถเข้าสาธิต" นางปัทมากล่าว
ทั้งนี้ การไปร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ ทำให้ข้าราชการกัมพูชาได้เข้าใจระบบพลังงานแสงอาทิตย์ว่าสามารถใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ รวมถึงมีความสนใจที่จะทำโครงการร่วมกับบริษัท โดยเฉพาะเรื่องน้ำดื่ม เนื่องจากน้ำดื่มที่นั่นยังไม่ค่อยสะอาด พร้อมกับมีความต้องการมาเยี่ยมชมที่ไซด์จริงของบริษัทที่ปากช่อง ซึ่งหลังจากกลับมาคณะของรัฐบาลกัมพูชาก็ได้มาเยี่ยมชมบริษัทแล้ว 3 ครั้ง
สำหรับรูปแบบการลงทุนในกัมพูชาจะเป็นการผ่านดีลเลอร์ที่เป็นชาวกัมพูชา ซึ่ง SOLAR จะฝึกอบรมให้ดีลเลอร์เข้าใจระบบต่างๆ และการบำรุงรักษา ร่วมถึงร่วมมือกับ Grundfos บริษัทจากเดนมาร์ก ซึ่งมีดีลเลอร์อยู่แล้ว 20 แห่ง ในกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ โรงแรมต่าง ๆ ในกรุงพนมเปญมักจะประสบปัญหาไฟฟ้าดับ เมื่อมีจำนวนคนใช้ไฟฟ้าพร้อมกันจำนวนมาก โดยทางโรงแรมเหล่านี้ก็มีความต้องการระบบชาร์จจิ้งแบตเตอรี่ของบริษัท ซึ่งบริษัทก็ได้เข้าไปสำรวจแล้ว 2 แห่ง ซึ่งขณะนี้อยูในขั้นตอนการพิจารณาของโรงแรมว่าจะซื้อมากน้อยเท่าไหร่
นางปัทมา กล่าวต่อถึง แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/51 จะออกมาน่าพอใจ หากเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน อย่างไรก็ดีในไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทได้รับงานประมูลไปแล้วประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ให้มากขึ้นตามแผนงานที่วางไว้ สำหรับภาพรวมปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถทำรายได้ถึงเป้าหมาย 500-750 ล้านบาท ตามกระแสการขยายตัวของการใช้พลังงานทดแทนและนโยบายสนับสนุนใช้พลังงานทดแทนของรัฐบาล
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 50 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 50 บริษัทมียอดขาดทุน 90.99 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปี 49 จำนวน 51.13 ล้านบาท ลดลง 142.12 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้รวม 115.27 ล้านบาท เปรียบเทียบกับรายได้รวมในปี 49 จำนวน 1,111.73 ล้านบาท หรือลดลง 89.63% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งภาครัฐกำลังปรับปรุงนโยบายพลังงานทดแทน ทำให้การผลักดันงานในโครงการต่างๆ ของภาครัฐเกิดความล่าช้า หรือชะลอการตัดสินใจซื้อและลงทุนประกอบกับบริษัทอยู่ในช่วงการปรับปรุงระบบภายในของบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพการขยายตลาดไปยังภาคเอกชนและส่งออก
