คลังดีเดย์เปิดขายอินชัวรันส์บอนด์ล็อตแรกปลายเดือนเมษายนนี้ เบื้องต้นเคาะดอกเบี้ยไว้ไม่ต่ำกว่า 5% จูงใจบริษัทประกันเชื่อขายเกลี้ยงแน่เหตุความเสี่ยงเป็นศูนย์ ด้านเมืองไทยประกันชีวิตระบุหากผลตอบแทนดีพร้อมตุนเข้าพอร์ตมั่นใจเป็นนิมิตหมายที่ดีพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย ขณะที่ฟินันซ่าชี้ออกเท่าไรขายหมดแน่เหตุตรงกับความต้องการของบริษัทประกัน ส่วนไทยประกันชีวิตรับเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตลงทุน
นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักเงินกู้ตลาดเงินทุนต่างประเทศ สำนักงานการบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยได้หารือกับสบน.แสดงความสนใจซื้อพันธบัตรที่ออกโดยกระทรวงการคลังอายุ 30 ปี เพื่อให้สอคล้องกับการลงทุนของธุรกิจประกันที่เป็นการออมเงินของประชาชนในระยะยาวและกระทรวงการคลังจะนำเม็ดเงินดังกล่าวเพื่อไปลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐหรือเมกกะโปรเจกต์
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า ในเบื้องต้นกระทรวงการคลังได้พิจารณาอัตราดอกเบี้ยโดยคาดการดอกเบี้ยในตลาดน่าจะมีแนวโน้มที่จะขายพันธบัตรที่ออกโดยกระทรวงการคลังในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 5.0% แน่นอน ทั้งนี้การเสนอขายพันธบัตรสำหรับบริษัทประกัน(อินชัวรันส์บอนด์) ในครั้งนี้ล็อตแรกจะขายในวงเงิน 2,500 ล้านบาทในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้และล็อตที่สองจะขายในเดือนมิถุนายนวงเงิน 2,500 ล้านบาทเช่านกัน
“ดอกเบี้ยที่กระทรวงการคลังจ่ายสำหรับอินชัวรันส์บอนด์ในครั้งนี้ในระดับไม่ต่ำกว่า 5.0% ถือว่าสมน้ำสมเนื้อแล้วไม่เป็นการเอาเปรียบบริษัทประกันมากจนเกินไป เพราะการออกพันธบัตรในครั้งนี้บริษัทประกันได้ขอให้กระทรวงการคลังหาตราสารทางการเงินที่มีระยะยาวตรงกับความต้องการลงทุนของธุรกิจประกันกระทรวงการคลังจึงได้เตรียมเปิดขายให้เพื่อให้ธุรกิจประกันแบ่งพอร์ตการลงทุนที่มีระยะยาว 30 ปี และเชื่อว่าจะสามารถขายได้หมดเพราะสามารถขายได้ในตลาดรองและความเสี่ยงของการลงทุนเป็นศูนย์” แหล่งข่าวกล่าว
***เมืองไทยขอดูดอกเบี้ยก่อนกวาดเข้าพอร์ต
นางภคินีนาถ ติยะชาติ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า การออกพันธบัตรอายุ 30 ปีของกระทรวงการคลังเฉพาะเจาะจงให้กับบริษัทประกันนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากธุรกิจประกันถือเป็นนักลงทุนประเภทสถาบันที่มีความต้องการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำและมีระยะเวลาการถือครอง 20-30 ปี
แต่ในการลงทุนในระยะเวลาที่นานถึง 30 ปีนั้นผลตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ต่างจากความเสี่ยงของตราสารประเภทนั้น เพราะการซื้อขายตราสารประเภทต่างๆ ในประเทศไทยยังไม่มีการเปิดขายประเภทที่มีอายุ 30 ปีมาก่อนในประวัติศาสตร์นักลงทุนจึงอาจกังวลในผลตอบแทนที่ได้รับว่าจะคุ้มค่าที่ลงทุนเพียงใดซึ่งหากผลตอบแทนไม่จูงใจนักก็คงจะขายลำบาก
“พันธบตรที่ออกขายล็อตแรก 2.5 พันล้านถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่มีอยู่ในธุรกิจประกันเกือบล้านล้านบาท ซึ่งหากมีการประกาศอัตราดอกเบี้ยออกมาในระดับที่สูงกว่า 5.0% เมืองไทยประกันชีวิตก็ยินดีที่จะซื้อเข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุนของบริษัท ซึ่งในอนาคตข้างหน้าหากปริมาณการออกพันธบัตรประเภทนี้มีออกมามากก็จะสามารถพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของไทยได้เพราะการออมเงินในรูปแบบประกันชีวิตของคนไทยยังไม่สูงนัก” นางภคินีนาถกล่าว
***ฟินันซ่าเชื่อเงินประกันพร้อมลุย
นายมนตรี แสงอุไรพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินันซ่าประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า การออกอินชัวรันส์บอนด์ออกมาถือว่าเป็นเรื่องดีกับบริษัทประกัน เพราะเงินที่เข้ามาในระบบประกันส่วนใหญ่จะเป็นการฝากระยะยาวหรือเกือบตลอดชีพที่บริษัทประกันการันตีผลตอบแทนให้กับลูกค้าในอัตรา 4.0-5.0% อยู่แล้ว หากมีพันธบัตรประเภทนี้ออกมาในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมก็พร้อมที่จะซื้อพันธบัตรดังกล่าว
“ลูกค้าประกันส่วนใหญ่จะฝากกันตลอดชีพในขณะที่เงินในระบบประกันตอนนี้มีสูงถึง 8 แสนล้านบาทและแต่ละปีก็มีเม็ดเงินเพิ่มเข้ามาปีละกว่าแสนล้าน หากดอกเบี้ยอินชัวรันส์บอนด์อยู่ในระดับ 4-5% และมีสินค้าออกมามากเพียงพอต่อความต้องการของตลาดแล้วเงินจากธุรกิจประกันก็พร้อมที่จะเข้าไปลงทุนอย่างแน่นอนเพราะเป็นตราสารที่ไม่มีความเสี่ยงจากการลงทุนเลย” นายมนตรีกล่าว
***ไทยประกันรับเพิ่มทางเลือกลงทุน
นายอังกูร ศรีกัลยาณบุตร ผู้จัดการฝ่าย สายงานสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า อินชัวรันส์บอนด์ที่จะเปิดขายในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มช่องทางการลงทุนที่หลากหลายให้กับบริษัทประกันชีวิตมากขึ้นและทำให้บริษัทประกันชีวิตพัฒนาสินค้าที่มีอายุกรมธรรม์ระยะยาวให้ตรงกับอายุของพันธบัตรที่บริษัทเข้าไปลงทุนมากขึ้น
“บางครั้งการถือพันธบัตรที่มีระยะเวลายาวมากก็ใช่ว่าจะเกิดผลดีเสมอแต่ก็เพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตการลงทุนของบริษัทได้ ซึ่งต้องพิจารณาในแง่ของผลตอบแทนว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทอื่นมีความคุ้มค่ากว่าหรือไม่รวมทั้งความเสี่ยงจากการลงทุน ซึ่งอินชัวรันส์บอนด์จะมีความได้เปรียบมากกว่าเพราะไม่มีความเสี่ยงเลยเนื่องจากกระทรวงการคลังค้ำประกัน” นายอังกูรกล่าว
นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักเงินกู้ตลาดเงินทุนต่างประเทศ สำนักงานการบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยได้หารือกับสบน.แสดงความสนใจซื้อพันธบัตรที่ออกโดยกระทรวงการคลังอายุ 30 ปี เพื่อให้สอคล้องกับการลงทุนของธุรกิจประกันที่เป็นการออมเงินของประชาชนในระยะยาวและกระทรวงการคลังจะนำเม็ดเงินดังกล่าวเพื่อไปลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐหรือเมกกะโปรเจกต์
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า ในเบื้องต้นกระทรวงการคลังได้พิจารณาอัตราดอกเบี้ยโดยคาดการดอกเบี้ยในตลาดน่าจะมีแนวโน้มที่จะขายพันธบัตรที่ออกโดยกระทรวงการคลังในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 5.0% แน่นอน ทั้งนี้การเสนอขายพันธบัตรสำหรับบริษัทประกัน(อินชัวรันส์บอนด์) ในครั้งนี้ล็อตแรกจะขายในวงเงิน 2,500 ล้านบาทในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้และล็อตที่สองจะขายในเดือนมิถุนายนวงเงิน 2,500 ล้านบาทเช่านกัน
“ดอกเบี้ยที่กระทรวงการคลังจ่ายสำหรับอินชัวรันส์บอนด์ในครั้งนี้ในระดับไม่ต่ำกว่า 5.0% ถือว่าสมน้ำสมเนื้อแล้วไม่เป็นการเอาเปรียบบริษัทประกันมากจนเกินไป เพราะการออกพันธบัตรในครั้งนี้บริษัทประกันได้ขอให้กระทรวงการคลังหาตราสารทางการเงินที่มีระยะยาวตรงกับความต้องการลงทุนของธุรกิจประกันกระทรวงการคลังจึงได้เตรียมเปิดขายให้เพื่อให้ธุรกิจประกันแบ่งพอร์ตการลงทุนที่มีระยะยาว 30 ปี และเชื่อว่าจะสามารถขายได้หมดเพราะสามารถขายได้ในตลาดรองและความเสี่ยงของการลงทุนเป็นศูนย์” แหล่งข่าวกล่าว
***เมืองไทยขอดูดอกเบี้ยก่อนกวาดเข้าพอร์ต
นางภคินีนาถ ติยะชาติ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า การออกพันธบัตรอายุ 30 ปีของกระทรวงการคลังเฉพาะเจาะจงให้กับบริษัทประกันนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากธุรกิจประกันถือเป็นนักลงทุนประเภทสถาบันที่มีความต้องการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำและมีระยะเวลาการถือครอง 20-30 ปี
แต่ในการลงทุนในระยะเวลาที่นานถึง 30 ปีนั้นผลตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ต่างจากความเสี่ยงของตราสารประเภทนั้น เพราะการซื้อขายตราสารประเภทต่างๆ ในประเทศไทยยังไม่มีการเปิดขายประเภทที่มีอายุ 30 ปีมาก่อนในประวัติศาสตร์นักลงทุนจึงอาจกังวลในผลตอบแทนที่ได้รับว่าจะคุ้มค่าที่ลงทุนเพียงใดซึ่งหากผลตอบแทนไม่จูงใจนักก็คงจะขายลำบาก
“พันธบตรที่ออกขายล็อตแรก 2.5 พันล้านถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่มีอยู่ในธุรกิจประกันเกือบล้านล้านบาท ซึ่งหากมีการประกาศอัตราดอกเบี้ยออกมาในระดับที่สูงกว่า 5.0% เมืองไทยประกันชีวิตก็ยินดีที่จะซื้อเข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุนของบริษัท ซึ่งในอนาคตข้างหน้าหากปริมาณการออกพันธบัตรประเภทนี้มีออกมามากก็จะสามารถพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของไทยได้เพราะการออมเงินในรูปแบบประกันชีวิตของคนไทยยังไม่สูงนัก” นางภคินีนาถกล่าว
***ฟินันซ่าเชื่อเงินประกันพร้อมลุย
นายมนตรี แสงอุไรพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินันซ่าประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า การออกอินชัวรันส์บอนด์ออกมาถือว่าเป็นเรื่องดีกับบริษัทประกัน เพราะเงินที่เข้ามาในระบบประกันส่วนใหญ่จะเป็นการฝากระยะยาวหรือเกือบตลอดชีพที่บริษัทประกันการันตีผลตอบแทนให้กับลูกค้าในอัตรา 4.0-5.0% อยู่แล้ว หากมีพันธบัตรประเภทนี้ออกมาในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมก็พร้อมที่จะซื้อพันธบัตรดังกล่าว
“ลูกค้าประกันส่วนใหญ่จะฝากกันตลอดชีพในขณะที่เงินในระบบประกันตอนนี้มีสูงถึง 8 แสนล้านบาทและแต่ละปีก็มีเม็ดเงินเพิ่มเข้ามาปีละกว่าแสนล้าน หากดอกเบี้ยอินชัวรันส์บอนด์อยู่ในระดับ 4-5% และมีสินค้าออกมามากเพียงพอต่อความต้องการของตลาดแล้วเงินจากธุรกิจประกันก็พร้อมที่จะเข้าไปลงทุนอย่างแน่นอนเพราะเป็นตราสารที่ไม่มีความเสี่ยงจากการลงทุนเลย” นายมนตรีกล่าว
***ไทยประกันรับเพิ่มทางเลือกลงทุน
นายอังกูร ศรีกัลยาณบุตร ผู้จัดการฝ่าย สายงานสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า อินชัวรันส์บอนด์ที่จะเปิดขายในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มช่องทางการลงทุนที่หลากหลายให้กับบริษัทประกันชีวิตมากขึ้นและทำให้บริษัทประกันชีวิตพัฒนาสินค้าที่มีอายุกรมธรรม์ระยะยาวให้ตรงกับอายุของพันธบัตรที่บริษัทเข้าไปลงทุนมากขึ้น
“บางครั้งการถือพันธบัตรที่มีระยะเวลายาวมากก็ใช่ว่าจะเกิดผลดีเสมอแต่ก็เพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตการลงทุนของบริษัทได้ ซึ่งต้องพิจารณาในแง่ของผลตอบแทนว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทอื่นมีความคุ้มค่ากว่าหรือไม่รวมทั้งความเสี่ยงจากการลงทุน ซึ่งอินชัวรันส์บอนด์จะมีความได้เปรียบมากกว่าเพราะไม่มีความเสี่ยงเลยเนื่องจากกระทรวงการคลังค้ำประกัน” นายอังกูรกล่าว