สหรัฐฯ ออกโรงโต้ ไอเอ็มเอฟ ประเมินเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ระยะถดถอย อาจขยายตัวได้แค่ 0.5% ชี้ประเมินต่ำเกินจริง และมีมุมมองที่เป็นลบมากไป
วันนี้(10 เม.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเดวิด แมคคอร์มิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของสหรัฐ กล่าวถึงกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 0.5% และเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ระยะถดถอยแล้ว เนื่องจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดสินเชื่อและตลาดปล่อยกู้จำนอง (ซับไพรม์) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกด้วย โดยระบุว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ไม่ได้มีมุมมองเหมือนกับไอเอ็มเอฟ ที่ประเมินเศรษฐกิจของสหรัฐในแง่ร้ายเกินไป
นายแมคคอร์มิค กล่าวย้ำว่า การคาดการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ไอเอ็มเอฟ มีมุมมองที่เป็นลบมากเกินไป และประเมินเศรษฐกิจสหรัฐต่ำกว่าความเป็นจริง
นอกจากนี้ นายแมคคอร์มิค ยังได้ออกแถลงการณ์ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี โดยระบุว่า สหรัฐทราบมาโดยตลอดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศตกต่ำลง ตลาดการเงินก็เผชิญกับปัญหา ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่การที่ไอเอ็มเอฟ ออกมาคาดการณ์เช่นนี้ เป็นการคาดการณ์ที่รุนแรงเกินไปและต่ำกว่าความเป็นจริง
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อระบบเศรษฐกิจตนเอง พร้อมเชื่อว่าในระยะยาวแล้ว ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นแน่นอน เราเชื่อว่ารายงาน "World Economic Outlook" ฉบับล่าสุดของไอเอ็มเอฟ สะท้อนมุมมองที่เป็นลบมากเกินไป และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม นายแมคคอร์มิค ก็ไม่ได้ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐได้มีการประเมินทิศทางเศรษฐกิจของตนเองว่าจะถดถอยหรือไม่ ในปีนี้ โดยกล่าวเพียงว่า ตนเองไม่คิดว่าเราจะสามารถระบุได้ในขณะนี้ เราเพียงแต่ประเมินได้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงรุนแรงในระดับใด
"ผมบอกกับนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐว่า ผมมั่นใจว่าเศรษฐกิจของเราจะฟื้นตัวขึ้นแน่นอน และในการประชุม G7 วันศุกร์นี้ ผมมั่นใจว่า รมว.คลังจะบอกกับที่ประชุมว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐปรับฐานลง ขณะที่ตลาดการเงินตกอยู่ในภาวะผันผวน และราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นกำลังฉุดเศรษฐกิจสหรัฐให้ชะลอตัวลง"
ก่อนหน้านี้ ไอเอ็มเอฟได้เผยรายงาน "World Economic Outlook" โดยประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 0.5% เท่านั้นในปี 2551 ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 17 ปี เนื่องจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดสินเชื่อ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค นักลงทุน และผู้ประกอบทั่วโลกในขอบข่ายที่รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ปัญหาด้านการเงินในสหรัฐที่เกิดขึ้นในเดือน ส.ค.2550 ได้ลุกลามออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงเกินกว่าจะคาดคะเนได้ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อตลาดโลกอย่างมาก วิกฤตการณ์ทางการเงินในสหรัฐครั้งนี้รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ในช่วงค.ศ. 1930
ดังนั้น ไอเอ็มเอฟจึงคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 0.5% เท่านั้นในปีนี้ ก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นแตะระดับ 0.6% ในปีหน้า เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้เข้าสู่ระยะถดถอยแล้วเนื่องจากตลาดการเงินและตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำลงอย่างมาก