ตลาดหุ้นซึม เมินผลการประชุมกนง. ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.25% ขณะที่พฤติกรรมนักลงทุนเปลี่ยนไปเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กแทนหุ้นมาร์เกตแคปใหญ่ นักวิเคราะห์นี้ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 เม.ย.) ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ในทิศทางปรับตัวลดลงจากวันก่อน โดยนักลงทุนเทขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาทั้ง หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร และพลังงาน เพื่อหันเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กแทน ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 829.59 จุด ต่ำสุดที่ 823.05 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 826.19 จุด ลดลง 0.66 จุด หรือลดลง 0.08% มูลค่าการซื้อขาย 17,474.38 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 237.52 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 108.81 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 128.71 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย ใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN-W ปิดที่ 0.19บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท หรือ 137.50% มูลค่าซื้อขาย 6.38 ล้านบาท ใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญบริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ EWC-W1 ราคาปิดที่ 4.44 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท หรือ 46.05% มูลค่าซื้อขาย 291.45 ล้านบาท
บริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ EWC ปิดที่ 13.60 บาท เพิ่มขึ้น 3.10 บาท หรือ 29.52% มูลค่าซื้อขาย 378.79 ล้านบาท บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST ปิดที่ 3.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.84 บาท หรือ 29.37% มูลค่าซื้อขาย 387.35 ล้านบาท และใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญบริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน)หรือ EMC-W1 ราคาปิดที่ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท หรือ 24.30% มูลค่าการซื้อขาย 3.55 ล้านบาท
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKH กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนได้ขายหุ้นขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงบวกกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มแกว่งตัวในกรอบแคบๆ รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มีการขึ้นเครื่องหมาย XD ทำให้มีแรงขายออกมา
"นักลงทุนได้ทิ้งหุ้นขนาดใหญ่ออกมา และหันไปลงทุนซื้อหุ้นขนาดเล็กในกลุ่มสินค้าเกษตรจากการที่ราคาสินค้าเกษตรได้มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น และเข้าไปลงทุนในหุ้นเก็งกำไรอื่นๆ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้จึงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ" นายโกสินทร์ กล่าว
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.25% เพื่อรักษาอัตราเงินเฟ้อนั้น เป็นตามความคาดหมายของหลายฝ่าย ทำให้ประเด็นดังกล่าวไม่มีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยแต่อย่างใด
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 เม.ย.) คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นคงจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยคาดว่าคงจะมีแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมา จากที่จะมีการประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล ซึ่งประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 822-824 จุด และแนวต้านที่ระดับ 830-832 จุด
นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า กนง.คงอัตราดอกเบี้ยตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย 1-2 จุดเท่านั้น โดยนักลงทุนได้ขายหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกมาจากก่อนหน้านี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะเก็งกำไรที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับตัวลดลง และเรื่องการลดภาษีการโอน
"ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เพราะไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นและปัจจัยลบใหม่ๆ ยังไม่มีเข้ามา ส่วนในเรื่องปัจจัยการเมืองใน ขณะนี้ยังไม่มีน้ำหนักต่อตลาดในเรื่องของการยุบพรรคและการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องใช้เวลาอีกนาน"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงประกาศผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประจำไตรมาส 1/51 จะเป็นปัจจัยหลักช่วยสนับสนุนให้มีแรงซื้อเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มดังกล่าว โดยแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง และประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 820 จุด แนวต้านที่ระดับ 830 จุด
นายรณกฤต สารรินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL กล่าวว่า ดัชนีแกว่งตัวแคบๆ จากหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ไม่มีการเคลือนไหว นักลงทุนจึงหันเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กๆจึงทำให้หุ้นขนาดเล็กในวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้ดัชนีวานนี้ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ส่วนในเรื่องผลการประชุมของกนง.ไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย เพราะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
"ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้จะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ จากที่ใกล้เข้าสู่วันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ โดยมองกรอบการแกว่างตัวที่ 820-830 จุด มูลค่าการซื้อขายประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท จากการที่หุ้นขนาดใหญ่จะไม่ค่อยเคลื่อนไหวนักลงทุนควรที่หันมาเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นขนาดเล็ก"
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 เม.ย.) ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ในทิศทางปรับตัวลดลงจากวันก่อน โดยนักลงทุนเทขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาทั้ง หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร และพลังงาน เพื่อหันเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กแทน ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 829.59 จุด ต่ำสุดที่ 823.05 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 826.19 จุด ลดลง 0.66 จุด หรือลดลง 0.08% มูลค่าการซื้อขาย 17,474.38 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 237.52 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 108.81 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 128.71 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย ใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN-W ปิดที่ 0.19บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท หรือ 137.50% มูลค่าซื้อขาย 6.38 ล้านบาท ใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญบริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ EWC-W1 ราคาปิดที่ 4.44 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท หรือ 46.05% มูลค่าซื้อขาย 291.45 ล้านบาท
บริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ EWC ปิดที่ 13.60 บาท เพิ่มขึ้น 3.10 บาท หรือ 29.52% มูลค่าซื้อขาย 378.79 ล้านบาท บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST ปิดที่ 3.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.84 บาท หรือ 29.37% มูลค่าซื้อขาย 387.35 ล้านบาท และใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญบริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน)หรือ EMC-W1 ราคาปิดที่ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท หรือ 24.30% มูลค่าการซื้อขาย 3.55 ล้านบาท
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKH กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนได้ขายหุ้นขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงบวกกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มแกว่งตัวในกรอบแคบๆ รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มีการขึ้นเครื่องหมาย XD ทำให้มีแรงขายออกมา
"นักลงทุนได้ทิ้งหุ้นขนาดใหญ่ออกมา และหันไปลงทุนซื้อหุ้นขนาดเล็กในกลุ่มสินค้าเกษตรจากการที่ราคาสินค้าเกษตรได้มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น และเข้าไปลงทุนในหุ้นเก็งกำไรอื่นๆ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้จึงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ" นายโกสินทร์ กล่าว
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.25% เพื่อรักษาอัตราเงินเฟ้อนั้น เป็นตามความคาดหมายของหลายฝ่าย ทำให้ประเด็นดังกล่าวไม่มีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยแต่อย่างใด
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 เม.ย.) คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นคงจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยคาดว่าคงจะมีแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมา จากที่จะมีการประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล ซึ่งประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 822-824 จุด และแนวต้านที่ระดับ 830-832 จุด
นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า กนง.คงอัตราดอกเบี้ยตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย 1-2 จุดเท่านั้น โดยนักลงทุนได้ขายหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกมาจากก่อนหน้านี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะเก็งกำไรที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับตัวลดลง และเรื่องการลดภาษีการโอน
"ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เพราะไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นและปัจจัยลบใหม่ๆ ยังไม่มีเข้ามา ส่วนในเรื่องปัจจัยการเมืองใน ขณะนี้ยังไม่มีน้ำหนักต่อตลาดในเรื่องของการยุบพรรคและการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องใช้เวลาอีกนาน"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงประกาศผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประจำไตรมาส 1/51 จะเป็นปัจจัยหลักช่วยสนับสนุนให้มีแรงซื้อเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มดังกล่าว โดยแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อเมื่อดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง และประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 820 จุด แนวต้านที่ระดับ 830 จุด
นายรณกฤต สารรินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL กล่าวว่า ดัชนีแกว่งตัวแคบๆ จากหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ไม่มีการเคลือนไหว นักลงทุนจึงหันเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กๆจึงทำให้หุ้นขนาดเล็กในวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้ดัชนีวานนี้ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ส่วนในเรื่องผลการประชุมของกนง.ไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย เพราะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
"ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้จะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ จากที่ใกล้เข้าสู่วันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ โดยมองกรอบการแกว่างตัวที่ 820-830 จุด มูลค่าการซื้อขายประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท จากการที่หุ้นขนาดใหญ่จะไม่ค่อยเคลื่อนไหวนักลงทุนควรที่หันมาเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นขนาดเล็ก"