xs
xsm
sm
md
lg

คอนวูดฯ เพิ่มกำไรผ่านสินค้าใหม่ ราคาขายขยับ 25% ชดเชยต้นทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“คอนวูด” ยอมรับวัตถุดิบปรับสูงขึ้น กระทบต่อกำไร หลังยอดขายตกเป้า 2% พร้อมปรับกลยุทธ์ออกผลิตภัณฑใหม่เพิ่มราคาตามต้นทุน แจงราคาขายสูงกว่าสินค้าในตลาด 20-25% ทุ่มงบกว่า 740 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตอีก 45,000 ตันต่อปี หวังเพิ่มสัดส่วนการส่งออกให้ได้ 30 ล้านบาทในปีนี้ ดึงโฮซิมฟิลิปปินส์ตัวแทนจำหน่าย ลั่นยอดขายปีนี้กว่า 835 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 9% แต่ขอลุ้นการเมืองไตรมาส 2 อีกครั้ง


นายสุทธิพันธ์ วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอนวูด จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้ชั้นนำของประเทศไทย ในเครือบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ มีการาปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สินค้าของบริษัทไม่สามารภปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุนใหม่ได้เพราะราคาสินค้าของบริษัทมีราคาสูงกว่าสินค้าในท้องตลาดอยู่10-15% ทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนใหม่ ส่งผลให้อัตรากำไรของบริษัทปรับลดลง

ดังนั้น ในปี 2551 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพิ่มช่องทางการขายและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 6 ตัว เพื่อแก้ปัญหาการแบกรับต้นทุน และนำกำไรจากสินค้าใหม่มาชดเชยกำไรของสินค้าเดิมที่ลดลง โดยสินค้าใหม่ที่จะออกสู่ตลาด ได้แก่ ไม้เชิงชายสีสำเร็จรูป , ไม้มอบคอนวูด , ไม้จบบัวพื้นลายหลุย, ไม้ชุดบังตาสำเร็จรูป , ไม้รั้วสีสำเร็จรูป และไม้พื้นหน้าใหญ่สีพื้นและไม้พื้นหน้าใหญ่สีสำเร็จรูป

“ การออกสินค้าใหม่เพื่อเป็นการเลี่ยงการแข่งขันในตลาดเดิม เนื่องจากมีต้นทุนทางการตลาดที่สูง ส่งผลกระทบต่อกำไรที่ลดลง ในขณะที่สินค้าใหม่จะเน้นกลุ่มลูกค้าเดิมแต่สามารถเพิ่มราคาขายได้ โดยมีราคาที่สูงกว่าสินค้าในท้องตลาด 20-25%”

ทั้งนี้ ในปี51 บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มไลน์การผลิตเพิ่มอีก1 สายการผลิต มีกำลังการผลิต 45,000 ตันต่อปี หรือประมาณ 1.7 ล้านตารางเมตร คาดว่าจะใช้งบลงทุน 740 ล้านบาทส่งผลให้ บริษัทจะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 135,000 ตันต่อปี หรือประมาณ 5 ล้านตารางเมตร

นายสุทธิพันธ์กล่าวว่า กำลังกาผลิตที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับเป้าหมายการขยายตลาดในประเทศและการส่งออกตลาดต่างประเทศ โดยในปี 51 บริษัทมีแผนจะขยายช่องทางการตลาดในส่วนของกลุ่มตลาดโมเดิร์นเทรดเพิ่มขึ้น จากที่มีสัดส่วนเพียง 4% คิดเป็นมูลค่า 27 ล้านบาท สัดส่วนที่เหลือ 96% คิดเป็นมูลค่า 738 ล้านบาท มาจากการทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์)

สำหรับตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้าปีนี้จะมียอดการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านบาทต่อปี จากในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 10 ล้านบาท โดยส่งออกไปประเทศเวียดนามเป็นหลัก ส่วนในปีนี้ จะขยายไปสู่ตลาดในประเทศฟิลิปปินส์อีก1ประเทศ คาดว่าภายในเดือนหน้า จะมีการเซ็นสัญญาร่วมกับกลุ่มโฮซิมฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการผลิตปูนซิเมนต์ เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนวูดภายในประเทศ

“ประเทศฟิลิปปินส์มีรูปแบบสถาปัตยกรรมการก่อสร้างบ้านเหมือนประเทศไทย ทำให้มีแนวโน้มที่จะขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นกว่าประเทศเวียดนาม โดยคาดว่าจะมียอดขาย 15 ล้านบาท ส่วนในประเทศเวียดนาม บริษัทพยายามผลักดันยอดขายให้ได้15 ล้านบาท เพื่อให้ยอดรวมของการส่งออกได้ตามเป้า ”

ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดรวม 10%จากมูลค่าตลาดวัสุดทดแทนไม้ 3,000 ล้านบาท หรือมียอดขายรวมในปี 50 ประมาณ 765 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2549 ที่ 735ล้านบาทประมาณ 3% ซึ่งอัตราการเติบโตของยอดขายต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 5%ในปี49 ส่วนในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายรวมที่ 835 ล้านบาท หรือมีอัตราเติบโตขึ้น 9% โดยไตรมาสแรกของปีนี้ มียอดขายแล้ว 205ล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบที่บริษัทประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจมีการขยายตัวเป็นไปตามการประมาณการ คือ จีดีพีขยายตัว 4.5-5% จะส่งผลดีต่อการเติบโตของตลาดบ้านเดี่ยว ตลาดหลักของบริษัทที่ครองสัดส่วนยอดขายกว่า 70% ให้มีการขยายตัว 3-5% แต่หากการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น อาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะต้องพิจารณาอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 2 อีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น