ธนาคารทิสโก้เดินหน้ารุกขยายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อย ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์เป็น 25% จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 17% ล่าสุดจับมือเอไอเอเปิดตัว "เงินฝาก TIP Savings" บัญชีออมทรัพย์พ่วงความคุ้มครองชำระเบี้ย 7 ปี คุ้มครอง 15 ปี ชูจุดเด่นให้โบนัสพิเศษบวกดอกเบี้ยเพิ่มอีก 1.25% จากเงินฝากออมทรัพย์ คาดระดมเงินฝากเพิ่ม 1,200 ล้าน
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการสายธนกิจลูกค้ารายย่อย ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่พ่วงความคุ้มครอง ในชื่อ "TIP Savings” โดยลูกค้าผู้ฝากเงินจะได้รับกรมธรรม์ประกันชีวิตพร้อมความคุ้มครองอุบัติเหตุโดยบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) ด้วยสิทธิประโยชน์สำคัญ 3 ประการ คือ สิทธิประโยชน์ทางภาษี (T- Tax shield) ซึ่งลูกค้าสามารถชำระเบี้ยประกันและนำไปลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนสูงสุด 1 แสนบาท
นอกจากนี้ ลูกค้าจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ (I - Interest plus) เพิ่มขึ้นจากเงินฝากปกติ หากลูกค้าเลือกเปิดบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งอัตราดอกเบี้ยปกติของเราอยู่ที่ 2% ก็จะได้บวกดอกเบี้ยเพิ่มอีก 1.25% เป็น 3.25% หรือหากลูกค้าเลือกเปิดบัญชีซุปเปอร์เซฟวิ่งส์ ซึ่งดอกเบี้ยตอนนี้อยู่ที่ 2.4% ก็จะได้บวกดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 3.65% โดยอัตราดอกเบี้ยพิเศษนี้จะคำนวณให้จากยอดเงินเฉลี่ยต่อเดือนในบัญชีสูงสุดไม่เกิน 4 เท่าของทุนประกัน ลูกค้าจะได้รับอัตราพิเศษนี้ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ชำระเบี้ยประกัน และลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุ PA- Personal Accident Protection) ตลอดเวลาเอาประกันภัย 15 ปี และได้รับเงินค่าเบี้ยประกันคืนทั้งจำนวนพร้อมดอกเบี้ยหรือ 735% ของทุนประกันในปีที่ 15 หากไม่มีการเคลมอีกด้วย
ทั้งนี้ กรมธรรม์ “TIP Saver Protection” มีจำนวนทุนเอาประกันให้เลือกตั้งแต่ 1 หมื่นบาท จนถึงสูงสุดหนึ่งแสนบาท อายุที่รับประกันตั้งแต่ 16-55 ปี ระยะเวลาเอาประกันภัย 15 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย 7 ปี โดยลูกค้าไม่ต้องตรวจสุขภาพ และเสียอัตราเบี้ยประกันเท่ากันทุกอายุ กล่าวคือ อัตราเบี้ยประกัน 1,000 บาท ต่อทุนประกัน 1,000 บาท
นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเกิดผลประโยชน์ที่ลงตัวสำหรับทั้ง 3 ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นธนาคารที่ต้องการขยายฐานเงินฝาก ทางเอไอเอก็จะได้ลูกค้าเพิ่ม ขณะที่ลูกค้าก็จะได้สิทธิประโยชน์ในด้านภาษี ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และการคุ้มครอง ซึ่งธนาคารตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้าเข้าร่วมแคมเปญประมาณ 10,000 ราย ในสมมติฐานว่ามีเบี้ยประกันรายละ 30,000 บาท ก็จะมีเบี้ยประกันรวม 300 ล้านบาท และมีเงินฝากเพิ่มขึ้น 1,200 ล้านบาท
สำหรับนโยบายด้านเงินฝากในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าระดมเงินฝากเพิ่มอีก 15-20% โดยยังคงมุ่งเน้นขยายฐานเงินฝากออมทรัพย์ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 17%ของเงินฝากรวม ที่เหลืออีก 83%เป็นเงินฝากประจำ โดยได้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์เป็น 25% และเงินฝากประจำ 75% ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าวก็จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของธนาคารด้วย รวมทั้งเป็นการเพิ่มสัดส่วนผู้ฝากรายย่อยจากปัจจุบันที่มียอดลูกค้าเงินฝากประมาณ 4 หมื่นราย คิดเป็นเงินฝาก 7-8 หมื่นล้านบาท มีผู้ฝากรายย่อยเพียง 10%เท่านั้น
"การปรับโครงสร้างเงินฝากของธนาคารนั้น ก็เพื่อรองรับการจัดสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ที่จะให้การคุ้มครองเงินฝากในวงเงินจำกัด ซึ่งจะทำให้ผู้ฝากเงินรายใหญ่ต้องมีการกระจายเงินฝากไป ทำให้ธนาคารต้องขยายพอร์ตรายย่อยเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเนื่องจากผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ของธนาคารเป็นผู้ฝากรายใหญ่"นายศักดิ์ชัยกล่าว
ด้านสินเชื่อรายย่อยในปี 2551 ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตที่ระดับ 20% จากสิ้นปี 2550 ที่มีฐานสินเชื่อเช่าซื้ออยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้ฐานสินเชื่อเช่าซื้อจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 หมื่นล้านบาท โดย 2 เดือนแรกของปีนี้ธนาคารปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อไปแล้วประมาณ 7 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 3% ของฐานสินเชื่อ
" ปีนี้สินชื่อเช่าซื้อจะเติบโตดี เนื่องจากผู้บริโภคมีความมั่นใจมากขึ้นอีกทั้งมีงานกิจกรรมต่างๆ เช่างานมอเตอร์โชว์ ที่ช่วยกระตุ้นสินเชื่อเช่าซื้อได้อีกทางหนึ่ง" นายศักดิ์ชัยกล่าว
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อเช่าซื้ออยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งมีสัญญาณลดลง โดย 2 เดือนแรก NPL เช่าซื้อของ TISCO ลดลงมาอยู่ที่ 1.3% จากระดับ 1.5% เมื่อสิ้นปี 2550 ซึ่ง TISCO ตั้งเป้าว่าปีนี้จะรักษาสัดส่วน NPL ให้อยู่ในระดับปัจจุบันคือ 1.5% หรือไม่ให้เกินระดับ 2%
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการสายธนกิจลูกค้ารายย่อย ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากรูปแบบใหม่พ่วงความคุ้มครอง ในชื่อ "TIP Savings” โดยลูกค้าผู้ฝากเงินจะได้รับกรมธรรม์ประกันชีวิตพร้อมความคุ้มครองอุบัติเหตุโดยบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) ด้วยสิทธิประโยชน์สำคัญ 3 ประการ คือ สิทธิประโยชน์ทางภาษี (T- Tax shield) ซึ่งลูกค้าสามารถชำระเบี้ยประกันและนำไปลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนสูงสุด 1 แสนบาท
นอกจากนี้ ลูกค้าจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ (I - Interest plus) เพิ่มขึ้นจากเงินฝากปกติ หากลูกค้าเลือกเปิดบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งอัตราดอกเบี้ยปกติของเราอยู่ที่ 2% ก็จะได้บวกดอกเบี้ยเพิ่มอีก 1.25% เป็น 3.25% หรือหากลูกค้าเลือกเปิดบัญชีซุปเปอร์เซฟวิ่งส์ ซึ่งดอกเบี้ยตอนนี้อยู่ที่ 2.4% ก็จะได้บวกดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 3.65% โดยอัตราดอกเบี้ยพิเศษนี้จะคำนวณให้จากยอดเงินเฉลี่ยต่อเดือนในบัญชีสูงสุดไม่เกิน 4 เท่าของทุนประกัน ลูกค้าจะได้รับอัตราพิเศษนี้ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ชำระเบี้ยประกัน และลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุ PA- Personal Accident Protection) ตลอดเวลาเอาประกันภัย 15 ปี และได้รับเงินค่าเบี้ยประกันคืนทั้งจำนวนพร้อมดอกเบี้ยหรือ 735% ของทุนประกันในปีที่ 15 หากไม่มีการเคลมอีกด้วย
ทั้งนี้ กรมธรรม์ “TIP Saver Protection” มีจำนวนทุนเอาประกันให้เลือกตั้งแต่ 1 หมื่นบาท จนถึงสูงสุดหนึ่งแสนบาท อายุที่รับประกันตั้งแต่ 16-55 ปี ระยะเวลาเอาประกันภัย 15 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย 7 ปี โดยลูกค้าไม่ต้องตรวจสุขภาพ และเสียอัตราเบี้ยประกันเท่ากันทุกอายุ กล่าวคือ อัตราเบี้ยประกัน 1,000 บาท ต่อทุนประกัน 1,000 บาท
นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเกิดผลประโยชน์ที่ลงตัวสำหรับทั้ง 3 ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นธนาคารที่ต้องการขยายฐานเงินฝาก ทางเอไอเอก็จะได้ลูกค้าเพิ่ม ขณะที่ลูกค้าก็จะได้สิทธิประโยชน์ในด้านภาษี ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และการคุ้มครอง ซึ่งธนาคารตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้าเข้าร่วมแคมเปญประมาณ 10,000 ราย ในสมมติฐานว่ามีเบี้ยประกันรายละ 30,000 บาท ก็จะมีเบี้ยประกันรวม 300 ล้านบาท และมีเงินฝากเพิ่มขึ้น 1,200 ล้านบาท
สำหรับนโยบายด้านเงินฝากในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าระดมเงินฝากเพิ่มอีก 15-20% โดยยังคงมุ่งเน้นขยายฐานเงินฝากออมทรัพย์ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 17%ของเงินฝากรวม ที่เหลืออีก 83%เป็นเงินฝากประจำ โดยได้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์เป็น 25% และเงินฝากประจำ 75% ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าวก็จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของธนาคารด้วย รวมทั้งเป็นการเพิ่มสัดส่วนผู้ฝากรายย่อยจากปัจจุบันที่มียอดลูกค้าเงินฝากประมาณ 4 หมื่นราย คิดเป็นเงินฝาก 7-8 หมื่นล้านบาท มีผู้ฝากรายย่อยเพียง 10%เท่านั้น
"การปรับโครงสร้างเงินฝากของธนาคารนั้น ก็เพื่อรองรับการจัดสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ที่จะให้การคุ้มครองเงินฝากในวงเงินจำกัด ซึ่งจะทำให้ผู้ฝากเงินรายใหญ่ต้องมีการกระจายเงินฝากไป ทำให้ธนาคารต้องขยายพอร์ตรายย่อยเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเนื่องจากผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ของธนาคารเป็นผู้ฝากรายใหญ่"นายศักดิ์ชัยกล่าว
ด้านสินเชื่อรายย่อยในปี 2551 ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตที่ระดับ 20% จากสิ้นปี 2550 ที่มีฐานสินเชื่อเช่าซื้ออยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้ฐานสินเชื่อเช่าซื้อจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 หมื่นล้านบาท โดย 2 เดือนแรกของปีนี้ธนาคารปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อไปแล้วประมาณ 7 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 3% ของฐานสินเชื่อ
" ปีนี้สินชื่อเช่าซื้อจะเติบโตดี เนื่องจากผู้บริโภคมีความมั่นใจมากขึ้นอีกทั้งมีงานกิจกรรมต่างๆ เช่างานมอเตอร์โชว์ ที่ช่วยกระตุ้นสินเชื่อเช่าซื้อได้อีกทางหนึ่ง" นายศักดิ์ชัยกล่าว
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อเช่าซื้ออยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งมีสัญญาณลดลง โดย 2 เดือนแรก NPL เช่าซื้อของ TISCO ลดลงมาอยู่ที่ 1.3% จากระดับ 1.5% เมื่อสิ้นปี 2550 ซึ่ง TISCO ตั้งเป้าว่าปีนี้จะรักษาสัดส่วน NPL ให้อยู่ในระดับปัจจุบันคือ 1.5% หรือไม่ให้เกินระดับ 2%
