สบน.เผยตัวเลขหนี้สาธารณะสิ้นม.ค.51 พบรัฐบาลกู้เงินในประเทศสูงถึง 4.25 หมื่นล้านบาทชดเชยขาดดุลงบประมาณและบริหารดุลเงินสดของรัฐ ล่าสุดตัวเลขหนี้สาธารณะแตะระดับ 3.32 ล้านล้านบาท คิดเป็น 36.3% เพิ่มขึ้นกว่า3.74 หมื่นล้านบาท
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 หนี้ในประเทศ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างพันธบัตรรัฐบาลที่ออกเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่ครบกำหนดในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2551 จำนวน 34,950 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 4 รุ่น ในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม 2551 ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ได้ออกพันธบัตรรัฐบาลแล้ว 2 รุ่น จำนวน 19,000 ล้านบาท
ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ โดยการเคหะแห่งชาติและธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ได้ทำการ Roll Over หนี้เดิม วงเงิน 2,500 ล้านบาท และ 5,000 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ในประเทศวงเงินรวม 34,000 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน 15,000 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลวงเงิน 19,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจได้ทำการ Roll Over หนี้เดิมรวม 17,488 ล้านบาท ส่วนหนี้ต่างประเทศนั้น รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ต่างประเทศวงเงินรวม 1,245 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยรวม 154 ล้านบาท
ขณะที่การกู้เงินภาครัฐในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศโดยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ วงเงินรวม 15,270 ล้านบาท โดยเป็นการออกพันธบัตรออมทรัพย์ 270 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน 15,000 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวม 1,500 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อลงทุนในโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551 ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 105,977 ล้านบาท โดยเป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 74,270 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 31,707 ล้านบาท
ด้านการชำระหนี้ภาครัฐ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 14,139 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 291 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 13,848 ล้านบาท โดย 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551 กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากงบประมาณรวม 48,190 ล้านบาท
สำหรับยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มกราคม 2551 มีจำนวน 3,324,304 ล้านบาท หรือ 36.30% ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,095,909 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 941,316 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 97,679 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 168,430 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 20,970 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 37,439 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 44,302 ล้านบาท 2,044 ล้านบาท และ 1,859 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาล ค้ำประกันและหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐลดลง 4,942 ล้านบาท และ 5,824 ล้านบาท
การเพิ่มขึ้นสุทธิของหนี้สาธารณะคงค้างเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมานั้น ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศของรัฐบาลกู้โดยตรง โดยเพิ่มขึ้นสุทธิ 42,500 ล้านบาท เนื่องจากการออกพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรออมทรัพย์ และตั๋วเงินคลัง เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและบริหารดุลเงินสดของรัฐบาล โดยออกพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรออมทรัพย์ วงเงินรวม 16,500 ล้านบาท ออกตั๋วเงินคลัง วงเงินรวม 70,000 ล้านบาท และชำระคืนตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนด วงเงินรวม 44,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันลดลง เนื่องจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนด วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐลดลง เนื่องจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้ชำระคืนเงินกู้ระยะยาว วงเงินรวม 5,824 ล้านบาท
โดยหนี้สาธารณะ 3,324,304 ล้านบาท แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 414,509 ล้านบาท หรือ 12.47% และหนี้ในประเทศ 2,909,795 ล้านบาท หรือ 87.53% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,133,747 ล้านบาท หรือ 94.27% และหนี้ระยะสั้น 190,557 ล้านบาท หรือ 5.73% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 หนี้ในประเทศ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างพันธบัตรรัฐบาลที่ออกเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่ครบกำหนดในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2551 จำนวน 34,950 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 4 รุ่น ในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม 2551 ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ได้ออกพันธบัตรรัฐบาลแล้ว 2 รุ่น จำนวน 19,000 ล้านบาท
ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ โดยการเคหะแห่งชาติและธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ได้ทำการ Roll Over หนี้เดิม วงเงิน 2,500 ล้านบาท และ 5,000 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ในประเทศวงเงินรวม 34,000 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน 15,000 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลวงเงิน 19,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจได้ทำการ Roll Over หนี้เดิมรวม 17,488 ล้านบาท ส่วนหนี้ต่างประเทศนั้น รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ต่างประเทศวงเงินรวม 1,245 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยรวม 154 ล้านบาท
ขณะที่การกู้เงินภาครัฐในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศโดยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ วงเงินรวม 15,270 ล้านบาท โดยเป็นการออกพันธบัตรออมทรัพย์ 270 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน 15,000 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวม 1,500 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อลงทุนในโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551 ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 105,977 ล้านบาท โดยเป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 74,270 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 31,707 ล้านบาท
ด้านการชำระหนี้ภาครัฐ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 14,139 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 291 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 13,848 ล้านบาท โดย 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2551 กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากงบประมาณรวม 48,190 ล้านบาท
สำหรับยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มกราคม 2551 มีจำนวน 3,324,304 ล้านบาท หรือ 36.30% ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,095,909 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 941,316 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 97,679 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 168,430 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 20,970 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 37,439 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 44,302 ล้านบาท 2,044 ล้านบาท และ 1,859 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาล ค้ำประกันและหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐลดลง 4,942 ล้านบาท และ 5,824 ล้านบาท
การเพิ่มขึ้นสุทธิของหนี้สาธารณะคงค้างเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมานั้น ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศของรัฐบาลกู้โดยตรง โดยเพิ่มขึ้นสุทธิ 42,500 ล้านบาท เนื่องจากการออกพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรออมทรัพย์ และตั๋วเงินคลัง เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและบริหารดุลเงินสดของรัฐบาล โดยออกพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรออมทรัพย์ วงเงินรวม 16,500 ล้านบาท ออกตั๋วเงินคลัง วงเงินรวม 70,000 ล้านบาท และชำระคืนตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนด วงเงินรวม 44,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันลดลง เนื่องจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนด วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐลดลง เนื่องจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้ชำระคืนเงินกู้ระยะยาว วงเงินรวม 5,824 ล้านบาท
โดยหนี้สาธารณะ 3,324,304 ล้านบาท แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 414,509 ล้านบาท หรือ 12.47% และหนี้ในประเทศ 2,909,795 ล้านบาท หรือ 87.53% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,133,747 ล้านบาท หรือ 94.27% และหนี้ระยะสั้น 190,557 ล้านบาท หรือ 5.73% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
