"หมอเลี้ยบ" เสนอแก้ไข รธน. เพิ่มเสถียรภาพการเมือง เสริมความเชื่อมั่นนักลงุทน เพราะได้มาจากการยึดอำนาจ หวั่นต่างชาติไม่เข้าใจ หวังใช้ต่อรองก่อนบินไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่น 30-31 มี.ค.นี้
วันนี้ (21 มี.ค.) นายแพทย์ (นพ.) สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัญหาด้านการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ยกร่างขึ้นมาจากการยึดอำนาจ ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน จึงควรมีการแก้ไขเพื่อให้การเมืองมีเสถียรภาพและนักลงทุนเกิดความมั่นใจมากขึ้น
นพ.สุรพงษ์ กล่าวยอมรับว่า ปัญหาการเมืองได้สร้างแรงกดดันทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างไรจากคดียุบพรรค ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนและนักลงทุน อีกทั้งการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาบอกว่าไม่มีทางเลือกในการส่งให้ศาลตัดสินกรณียุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพราะข้อกฎหมายบังคับไว้ ทำให้มองย้อนกลับไปว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้มาจากกฎหมายที่มาจากการยึดอำนาจ
ดังนั้น เมื่อกฎหมายทำให้เกิดความไม่มั่นใจ จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรต้องทบทวนและหาทางแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตลอดจนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งประชาชน, ส.ว. และ ส.ส. สามารถเข้ามาร่วมกันเพื่อแก้ไขกฎหมายได้ แต่หากจะให้แก้ไขปัญหาได้โดยเร็วก็ต้องให้ ส.ส.เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
ส่วนกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ออกมามีจุดประสงค์เพื่อต้องการขจัดคนทุจริตออกจากระบบการเมืองหรือไม่นั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ในระดับของพรรคการเมืองเองได้วางกรอบการรับสมาชิก และผู้บริหารพรรคไว้อยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าคงจะทำได้ไม่ 100% และเมื่อมีกฎหมายในเรื่องการยุบพรรคและการตัดสิทธิทางการเมือง ยิ่งทำให้กฎหมายมีความเข้มข้นมากขึ้น
ทั้งนี้ ทำให้มองได้ว่าในอนาคตกรรมการบริหารพรรคการเมืองจะมีน้อยลง เพราะแกนนำพรรคจะไม่กล้าเข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค อีกทั้งแม้จะเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งแต่ท้ายที่สุดแล้วนายกรัฐมนตรีจะไม่ได้มาจากหัวหน้าพรรค ซึ่งการจะวางกรอบของกฎหมายก็ควรจะดูว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศจริงหรือไม่
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรจะเห็นทิศทางได้ก่อนที่จะเดินทางไปทำโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น ปลายเดือนนี้ (30-31 มี.ค.) เพื่อจะได้ตอบคำถามกับต่างประเทศได้ โดยอาจจะมีการซาวนด์เสียงอย่างไม่เป็นทางการ
ส่วนการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงเกือบ 10 จุดนั้น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เกิดจากนักลงทุนไม่มั่นใจ หลังจากศาลฎีการับคำฟ้องกรณีที่ กกต. ให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านการเมืองให้กับนักลงทุน
นพ.สุรพงษ์ ยังให้ความเห็นกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) โดยชี้ว่า กฎหมายควรจะลงโทษเฉพาะผู้ที่กระทำความผิดเท่านั้น ไม่ควรโยงไปถึงการยุบพรรค โดยเปรียบเทียบกับธุรกิจของเอกชนว่าถ้าผู้บริหารกระทำผิดก็ไม่จำเป็นถึงขั้นปิดบริษัท
"ควรจะต้องดูว่าข้อกฎหมายที่มีอยู่เหมาะสมแล้วหรือไม่ เพราะผู้ที่กระทำความผิดเป็นเพียงกรรมการบริหารพรรคเพียงคนเดียว จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีการยุบพรรคทั้งพรรคเหมือนอย่างบริษัทเอกชนที่พนักงานทำผิดจำเป็นที่จะต้องยุบบริษัทนั้นหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้คิดให้ดี"