“สุริยะใส” จี้ กกต.ดำเนินการเฉียบขาดกับผู้กระทำผิดถ้าถึงขั้นต้องยุบ “พลังประชาชน-มัชฌิมาฯ-ชาติไทย” ก็ต้องทำ ไม่ควรเอาความคิดส่วนตัว หรือสถานการณ์มาเป็นปัจจัยตัดสิน ด้าน “ชูศักดิ์” อ้างการเมืองเป็นเรื่องความสมัครใจตั้งนอมินีไม่ได้ แถมไม่มีระบุไว้ใน กม.
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงการสอบสวนกรณีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการพิจารณายุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยว่า ครป.ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน พิจารณาคำร้องกรณียุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคชาติไทยและพรรคพลังประชาชนโดยยึดกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากการกระทำเข้าข่ายความผิด ก็ต้องดำเนินการตามหลักกฎหมาย หากไม่เข้าข่ายก็ต้องยกประโยชน์ให้พรรคที่ถูกกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า กกต.จะมีมติออกมาอย่างไรต้องมีคำอธิบายที่ดีและเป็นเหตุเป็นผลกับประชาชน ไม่ใช่เอาวิธีคิดหรือความรู้สึกส่วนตัว และสถานการณ์ มาเป็นปัจจัยในการพิจารณาตัดสินใจ โดยเฉพาะกรณีอนุกรรมการสอบสวน คดีนอมินีของพรรคพลังประชาชนได้สรุปเป็นเอกฉันท์ว่า พฤติกรรมและพยานหลักฐานเข้าข่ายนอมินีนั้น หาก กกต.มีมติสวนทางก็ต้องเตรียมคำอธิบายที่มีน้ำหนัก อย่าให้สังคมกังขาว่าอำนาจรัฐได้เข้ามาแทรกแซงการทำงานของ กกต.
นายสุริยะใส กล่าวว่า ครป.ขอตำหนิบทบาทของ กกต.ที่พยายามแสดง ความเห็นส่วนตัวชี้นำการตัดสินใจขององค์คณะ กกต. เพราะจะทำให้ประชาชนสับสน และขาดความศรัทธราเชื่อมั่นในความเที่ยงธรรม เพราะคดีดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจึงต้องระมัดระวังในการแสดงความเห็นส่วนตัวโดยยังไม่มีมติออกมา
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานฝ่ายกฎหมาย พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงความคืบหน้าการชี้แจงคดีพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคประเมินแล้วว่า น่าจะชี้แจงได้ เพราะที่ผ่านมาฝ่ายกฎหมายได้ทำคำชี้แจงส่งไปเรียบร้อยแล้ว และนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคก็ชี้แจงแล้ว
ทั้งนี้หากดูคำว่านอมินี ก็ไม่มีคำในกฎหมาย ซึ่งก็ตรงกับข่าวที่คณะอนุกรรมการ สอบสวนกรณีนอมินีของกกต.ที่เห็นว่าไม่มีข้อห้ามในกฎหมายเช่นกัน ดังนั้น จึงไปตีความขยายความไม่ได้ ขณะเดียวกันฝ่ายกฎหมายพรรคก็มองว่าเรื่องการเมือง จะไปตั้งใครเป็นตัวแทนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องความสมัครใจของบุคคล และอยู่ที่ความเห็นชอบของประชาชนว่าจะเลือกพรรคใดด้วย
ส่วนกรณีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่าทำตนเสมือนผู้บริหารนั้น ความจริงเมื่อทั้ง 111 คนถูกตัดสินให้เว้นวรรคการเมืองไปแล้ว ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวการเมือง แต่ก็ยังมีสิทธิ เสรีภาพในการใช้การใช้สิทธิทางการเมืองบางระดับ
ส่วนที่ ครป.ออกมาระบุว่า หากพรรคพลังประชาชน พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ผิด กกต.ก็ต้องจัดการเด็ดขาดด้วยการยุบพรรคนั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า กรณีของพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย เมื่อผ่านอนุกรรมการสอบสวนแล้ว ก็ต้องรอให้ศาลวินิจฉัย ตรงนี้เทียบเคียงกับกรณีของนายงยุทธ ติยะไพรัช แต่ในส่วนของ พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ได้ชี้แจงไปแล้วว่า กรรมการบริหารพรรคไม่มีส่วนรู้เห็น ส่วนกรณีนายยงยุทธขณะนี้ยังไม่มีการวินิจฉัยออกมา ซึ่งต้องไปว่ากันที่ศาล
ส่วนนายวีระ สมความคิด ออกมาเปิดเผยว่าถูกข่มขู่เพราะเป็นผู้ยื่นหลักฐาน กรณีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ให้ กกต.นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกัน พรรคไม่มีความจำเป็นต้องไปข่มขู่อะไรนายวีระ เพราะมั่นใจว่าจะชี้แจงกรณีนอมินีได้ ที่ผ่านมาใครอยากกล่าวหาอะไร พรรคก็ให้สิทธิตรงนั้นอยู่แล้ว ซึ่งนายวีระเป็นคนน่ารักอยู่แล้วใครจะไปขู่ และตนก็รู้จักนายวีระ เพราะนายวีระเป็นนักเคลื่อนไหวมานาน แต่ถ้านายวีระอ้างว่าถูกข่มขู่ก็ให้เปิดหลักฐานมา
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงการสอบสวนกรณีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการพิจารณายุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยว่า ครป.ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน พิจารณาคำร้องกรณียุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคชาติไทยและพรรคพลังประชาชนโดยยึดกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากการกระทำเข้าข่ายความผิด ก็ต้องดำเนินการตามหลักกฎหมาย หากไม่เข้าข่ายก็ต้องยกประโยชน์ให้พรรคที่ถูกกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า กกต.จะมีมติออกมาอย่างไรต้องมีคำอธิบายที่ดีและเป็นเหตุเป็นผลกับประชาชน ไม่ใช่เอาวิธีคิดหรือความรู้สึกส่วนตัว และสถานการณ์ มาเป็นปัจจัยในการพิจารณาตัดสินใจ โดยเฉพาะกรณีอนุกรรมการสอบสวน คดีนอมินีของพรรคพลังประชาชนได้สรุปเป็นเอกฉันท์ว่า พฤติกรรมและพยานหลักฐานเข้าข่ายนอมินีนั้น หาก กกต.มีมติสวนทางก็ต้องเตรียมคำอธิบายที่มีน้ำหนัก อย่าให้สังคมกังขาว่าอำนาจรัฐได้เข้ามาแทรกแซงการทำงานของ กกต.
นายสุริยะใส กล่าวว่า ครป.ขอตำหนิบทบาทของ กกต.ที่พยายามแสดง ความเห็นส่วนตัวชี้นำการตัดสินใจขององค์คณะ กกต. เพราะจะทำให้ประชาชนสับสน และขาดความศรัทธราเชื่อมั่นในความเที่ยงธรรม เพราะคดีดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจึงต้องระมัดระวังในการแสดงความเห็นส่วนตัวโดยยังไม่มีมติออกมา
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานฝ่ายกฎหมาย พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงความคืบหน้าการชี้แจงคดีพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคประเมินแล้วว่า น่าจะชี้แจงได้ เพราะที่ผ่านมาฝ่ายกฎหมายได้ทำคำชี้แจงส่งไปเรียบร้อยแล้ว และนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคก็ชี้แจงแล้ว
ทั้งนี้หากดูคำว่านอมินี ก็ไม่มีคำในกฎหมาย ซึ่งก็ตรงกับข่าวที่คณะอนุกรรมการ สอบสวนกรณีนอมินีของกกต.ที่เห็นว่าไม่มีข้อห้ามในกฎหมายเช่นกัน ดังนั้น จึงไปตีความขยายความไม่ได้ ขณะเดียวกันฝ่ายกฎหมายพรรคก็มองว่าเรื่องการเมือง จะไปตั้งใครเป็นตัวแทนไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องความสมัครใจของบุคคล และอยู่ที่ความเห็นชอบของประชาชนว่าจะเลือกพรรคใดด้วย
ส่วนกรณีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่าทำตนเสมือนผู้บริหารนั้น ความจริงเมื่อทั้ง 111 คนถูกตัดสินให้เว้นวรรคการเมืองไปแล้ว ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวการเมือง แต่ก็ยังมีสิทธิ เสรีภาพในการใช้การใช้สิทธิทางการเมืองบางระดับ
ส่วนที่ ครป.ออกมาระบุว่า หากพรรคพลังประชาชน พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ผิด กกต.ก็ต้องจัดการเด็ดขาดด้วยการยุบพรรคนั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า กรณีของพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย เมื่อผ่านอนุกรรมการสอบสวนแล้ว ก็ต้องรอให้ศาลวินิจฉัย ตรงนี้เทียบเคียงกับกรณีของนายงยุทธ ติยะไพรัช แต่ในส่วนของ พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ได้ชี้แจงไปแล้วว่า กรรมการบริหารพรรคไม่มีส่วนรู้เห็น ส่วนกรณีนายยงยุทธขณะนี้ยังไม่มีการวินิจฉัยออกมา ซึ่งต้องไปว่ากันที่ศาล
ส่วนนายวีระ สมความคิด ออกมาเปิดเผยว่าถูกข่มขู่เพราะเป็นผู้ยื่นหลักฐาน กรณีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ให้ กกต.นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกัน พรรคไม่มีความจำเป็นต้องไปข่มขู่อะไรนายวีระ เพราะมั่นใจว่าจะชี้แจงกรณีนอมินีได้ ที่ผ่านมาใครอยากกล่าวหาอะไร พรรคก็ให้สิทธิตรงนั้นอยู่แล้ว ซึ่งนายวีระเป็นคนน่ารักอยู่แล้วใครจะไปขู่ และตนก็รู้จักนายวีระ เพราะนายวีระเป็นนักเคลื่อนไหวมานาน แต่ถ้านายวีระอ้างว่าถูกข่มขู่ก็ให้เปิดหลักฐานมา