ภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(10 มี.ค.) ดัชนีภาคบ่ายปิดที่ระดับ 806.65 จุด ปรับตัวลดลง -14.92 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.82% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 15,889.28 ล้านบาท
หลักทรัพย์ 5 อันดับที่มีการซื้อขายสูงสุด ได้แก่ PTT ปิดที่ 320.00 บาท ลดลง 4.00 บาท , PTTEP ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง 2.00 บาท , PTTAR ปิดที่ 41.00 บาท ลดลง 0.50 บาท , SCB ปิดที่ 87.00 บาท ลดลง 1.00 บาท , KBANK ปิดที่ 85.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
สำหรับสัดส่วนการลงทุน วันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,693.48 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 7,98.24 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,491.73 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ ระบุว่า การปรับตัวลงของหุ้นไทย วันนี้ เพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน ส่วนสภาพการซื้อขายในตลาดยังคงซบเซาจากความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว ส่วนการเมืองภายในประเทศ เชื่อว่ามีผลกระทบแค่ในช่วงสั้นๆ เห็นจากปริมาณขาย มาจากต่างชาติเป็นหลัก โดยพบว่ามีการเทขายหุ้นทั่วเอเชีย
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในสหรัฐ ร่วงลงอย่างหนัก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้งงานที่น้อยเกินคาด โดยกระทรวงแรงงานรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานในสหรัฐลดลง 63,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติที่ตกลงสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.2546 ทั้งที่ก่อนหน้านี้คาดว่า จะมีการจ้างงานเพิ่ม 25,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้นักลงทุนยิ่งวิตกเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจสหรัฐมากยิ่งขึ้น
"นักลงทุนส่วนมากต้องการดูสถานการณ์ก่อน เนื่องจากสภาพการซื้อขายในตลาดยังได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจอันซบเซาของสหรัฐ"
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันวันศุกร์ (7 มี.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,893.69 จุด ลดลง 146.70 จุด หรือ -1.22% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,293.37 จุด ลดลง 10.97 จุด หรือ -0.84% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,212.49 จุด ลดลง 8.01 จุด หรือ -0.36%
น.ส.อาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามตลาดต่างประเทศเป็นหลัก เพราะกังวลกับเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
ขณะที่ในประเทศมีประเด็นเรื่องการเมือง ที่ภายในสัปดาห์นี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จะส่งสำนวนให้ทางศาลฎีกาพิจารณาในเรื่องของการเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภา
แนวโน้มพรุ่งนี้ต้องดูในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐจะมีปัจจัยอะไรเข้ามาลดความวิตกกังวลได้หรือเปล่า ถ้ามีปัจจัยบวกเข้ามาแล้วตลาดมีรีบาวน์ก็อาจจะทำให้ตลาดภูมิภาคเอเชียดีดกลับตามไปด้วย
ในส่วนของหุ้นไทยเชื่อว่าได้ปรับลงมาถึงแนวที่จะสามารถรีบาวน์ได้แล้ว เพราะแนวรับอยู่ประมาณ 810 ไปจนถึง 790 จุด ช่วงนี้เป็นช่วงที่จะรีบาวน์ก็ได้หรือจะอ่อนตัวลงต่อก็ได้ ซึ่งการรีบาวน์มีเป้าหมายใกล้สุดแถว 820-830 จุด
นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ปรับตัวลงแรงกว่า 14 จุด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับลดลงกันทั่วหน้า จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาถดถอย จากตัวเลขเศรษฐกิจฯได้ส่งสัญญาณอ่อนแอออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือน ก.พ. ต่ำสุดในรอบ 5 ปี หรือลดลง 63,000 ตำแหน่ง โดยกองทุนต่างชาติอาจมีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงอกมาเพื่อถือครองเงินสดในขณะที่นักลงทุนรายย่อยต่างวิตกกว่าภาวะตกต่ำของเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกจึงมีแรงขายออกมาฉุดรั้งดัชนีฯให้ยืนแดนลบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 12,532.13 จุด ลดลง 250.67 จุด หรือ -1.96 % ส่วนดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซล ปิดตลาดที่ระดับ 1,625.17 จุด ลดลง 38.80 จุด หรือ -2.33 % และ ดัชนี ฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดเช้าที่ระดับ 22,159.04 จุด ลดลง 342.29 จุด หรือ -1.52 %
หลักทรัพย์ 5 อันดับที่มีการซื้อขายสูงสุด ได้แก่ PTT ปิดที่ 320.00 บาท ลดลง 4.00 บาท , PTTEP ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง 2.00 บาท , PTTAR ปิดที่ 41.00 บาท ลดลง 0.50 บาท , SCB ปิดที่ 87.00 บาท ลดลง 1.00 บาท , KBANK ปิดที่ 85.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
สำหรับสัดส่วนการลงทุน วันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,693.48 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 7,98.24 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,491.73 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ ระบุว่า การปรับตัวลงของหุ้นไทย วันนี้ เพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน ส่วนสภาพการซื้อขายในตลาดยังคงซบเซาจากความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว ส่วนการเมืองภายในประเทศ เชื่อว่ามีผลกระทบแค่ในช่วงสั้นๆ เห็นจากปริมาณขาย มาจากต่างชาติเป็นหลัก โดยพบว่ามีการเทขายหุ้นทั่วเอเชีย
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในสหรัฐ ร่วงลงอย่างหนัก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้งงานที่น้อยเกินคาด โดยกระทรวงแรงงานรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานในสหรัฐลดลง 63,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติที่ตกลงสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.2546 ทั้งที่ก่อนหน้านี้คาดว่า จะมีการจ้างงานเพิ่ม 25,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้นักลงทุนยิ่งวิตกเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจสหรัฐมากยิ่งขึ้น
"นักลงทุนส่วนมากต้องการดูสถานการณ์ก่อน เนื่องจากสภาพการซื้อขายในตลาดยังได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจอันซบเซาของสหรัฐ"
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันวันศุกร์ (7 มี.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,893.69 จุด ลดลง 146.70 จุด หรือ -1.22% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,293.37 จุด ลดลง 10.97 จุด หรือ -0.84% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,212.49 จุด ลดลง 8.01 จุด หรือ -0.36%
น.ส.อาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามตลาดต่างประเทศเป็นหลัก เพราะกังวลกับเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
ขณะที่ในประเทศมีประเด็นเรื่องการเมือง ที่ภายในสัปดาห์นี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จะส่งสำนวนให้ทางศาลฎีกาพิจารณาในเรื่องของการเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภา
แนวโน้มพรุ่งนี้ต้องดูในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐจะมีปัจจัยอะไรเข้ามาลดความวิตกกังวลได้หรือเปล่า ถ้ามีปัจจัยบวกเข้ามาแล้วตลาดมีรีบาวน์ก็อาจจะทำให้ตลาดภูมิภาคเอเชียดีดกลับตามไปด้วย
ในส่วนของหุ้นไทยเชื่อว่าได้ปรับลงมาถึงแนวที่จะสามารถรีบาวน์ได้แล้ว เพราะแนวรับอยู่ประมาณ 810 ไปจนถึง 790 จุด ช่วงนี้เป็นช่วงที่จะรีบาวน์ก็ได้หรือจะอ่อนตัวลงต่อก็ได้ ซึ่งการรีบาวน์มีเป้าหมายใกล้สุดแถว 820-830 จุด
นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ปรับตัวลงแรงกว่า 14 จุด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับลดลงกันทั่วหน้า จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาถดถอย จากตัวเลขเศรษฐกิจฯได้ส่งสัญญาณอ่อนแอออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือน ก.พ. ต่ำสุดในรอบ 5 ปี หรือลดลง 63,000 ตำแหน่ง โดยกองทุนต่างชาติอาจมีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงอกมาเพื่อถือครองเงินสดในขณะที่นักลงทุนรายย่อยต่างวิตกกว่าภาวะตกต่ำของเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกจึงมีแรงขายออกมาฉุดรั้งดัชนีฯให้ยืนแดนลบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 12,532.13 จุด ลดลง 250.67 จุด หรือ -1.96 % ส่วนดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซล ปิดตลาดที่ระดับ 1,625.17 จุด ลดลง 38.80 จุด หรือ -2.33 % และ ดัชนี ฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดเช้าที่ระดับ 22,159.04 จุด ลดลง 342.29 จุด หรือ -1.52 %