ตลท.เผยความพร้อมโรดโชว์ต่างประเทศ ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุน ประกาศดีเดย์ญี่ปุ่นปลาย ก.พ.นี้ ส่วนงาน Money Expo โคราช 22-24 ก.พ.ดึงนักลงทุนภูธรเข้าตลาดหุ้น
วันนี้(18 ก.พ.) นายเก่งกล้า รักเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวถึงความคืบหน้าแผนการเดินทางไปสร้างความเชื่อมั่น(โรดโชว์) และดึงนักลงทุนต่างชาติ โดยระบุว่า ตลท.มีกำหนดการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ , ประเทศสิงคโปร์ ช่วงเดือน เม.ย. และประเทศอังกฤษในเดือน พ.ค. เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศเป็นแหล่งที่มีผู้จัดการกองทุนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ตลท.จะนำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศไทย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เชื่อว่าสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติ สถาบันและรายย่อย จะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน เพื่อสร้างความสมดุลให้กับตลาดหุ้นไทย
ตลท.ได้เตรียมจัดงานมหกรรมการเงินสัญจร หรือ Money Expo Korat 2008 ระหว่างวันที่ 22-24 ก.พ.นี้ ที่จังหวัดนครราชสีมา(โคราช) เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนในต่างจังหวัดได้เข้าถึงแหล่งเงินมากขึ้น โดยจะมีการเสนอทางเลือกของการบริหารเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในปี 2550 มีปริมาณการซื้อขาย 2,700 ล้านบาท
ปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนต่างจังหวัดที่ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์มีสัดส่วนน้อยมากเพียง 10% หากเปรียบเทียบกับนักลงทุนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีสัดส่วนสูงถึง 90% และนักลงทุนต่างจังหวัดที่ลงทุนในกองทุนรวม มีสัดส่วนประมาณ 30% นักลงทุนทั้งหมด ขณะที่นักลงทุนในกทม.มีประมาณร้อยละ 70
นอกจากนี้ ตลท. ยังตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติให้มากกว่า 35% ด้วยการเดินทางไปให้ข้อมูลโรดโชว์ กับนักลงทุนต่างชาติ โดยมีแผนต่อเนื่องตลอดทั้งปี
**บิ๊กตลท.ขานรับ "หมัก" แถลงนโยบายฯ
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลท. เปิดเผยว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลวันนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดทุน โดยเชื่อว่าภาคตลาดทุนจะตอบรับและร่วมมือกันพัฒนาตลาดทุนไทยต่อไป ซึ่งจะเป็นช่องทางที่ช่วยระดมทุนให้บริษัทจดทะเบียนและเป็นทางเลือกของการออมให้กับประชาน เนื่องจากปัจจุบันอัตราการออมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาในตลาดหุ้นระยะนี้ มาจากความชัดเจนของการเมือง โดยเฉพาะการจัดตั้งทีมเศรษฐกิจและการแถลงนโยบายรัฐบาล ทำให้นักลงทุนเห็นทิศทางของประเทศไทยชัดเจนขึ้น และการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นย่านภูมิภาคหลังปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ ซับไพร์มในสหรัฐ ได้รับการแก้ไขและเยียวยามากขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวในทิศทางเดียวกัน