แมนูไลฟ์เผยยอดเบี้ยประกันและเงินฝากช่วงไตรมาส 4 ปี 50 พุ่งกระฉูดมียอดรวม 1,500 ล้าน จากปีช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าแค่ 173.7 ล้าน จากผลงานที่ดีของกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิเมอร์จิ้ง อีสเทอร์น ยุโรป ขณะที่ยอดเบี้ยประกันทั้งปีมีมูลค่ารวม 3,000 ล้าน จากปีก่อนหน้าที่มีเพียง 528 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ามุ่งเป็น 1 ใน 10 บริษัทประกันชีวิตชั้นนำใน 5 ปี
นายบรูส เอ็ม ฮ็อดเจส ผู้จัดการใหญ่ บริษัท แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 มียอดเบี้ยประกันและเงินฝากมูลค่าสูงถึง 1,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีมูลค่า 173.7 ล้านบาท ซึ่งผลการเติบโตที่สูงขึ้นนี้เนื่องมาจากผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิเมอร์จิ้ง อีสเทอร์น ยุโรป มีผลการดำเนินการที่ดี
ในขณะที่ยอดเบี้ยประกันและเงินฝากตลอดทั้งปีมีมูลค่าทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่มีเพียง 528.5 ล้านบาท มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 145% คิดเป็นมูลค่า 7,350 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีการยกระดับและขยายตัวของตัวแทนคุณภาพของบริษัทเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 23% ในปี 2550 สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเป้าหมายในการที่จะเป็น 1 ใน 10 ของบริษัทประกันชีวิตชั้นนำในประเทศไทยภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ โดยจะต้องเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาคุณภาพของแผนประกันชีวิตให้ดียิ่งขึ้นและให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ
“ส่วนหนึ่งในกลยุทธ์คือการรับมือกับความปรารถนาและต้องการของลูกค้า เราตั้งเป้าที่จะขยายตัวแทนจำหน่ายให้เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวในปีหน้า เราจะมาดูผลการเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัทภายในปี 2552 และเน้นในเรื่องของการสร้างภาพพจน์ที่ดีของบริษัทที่มากขึ้น และการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ตลาดวงการประกันชีวิตของประเทศไทยจะต้องพัฒนามากขึ้นและมีผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนขึ้น และผมมั่นใจว่าบริษัทแมนูไลฟ์ จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาดังกล่าว” นายบรูสกล่าว
นายบรูส เอ็ม ฮ็อดเจส ผู้จัดการใหญ่ บริษัท แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 มียอดเบี้ยประกันและเงินฝากมูลค่าสูงถึง 1,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีมูลค่า 173.7 ล้านบาท ซึ่งผลการเติบโตที่สูงขึ้นนี้เนื่องมาจากผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิเมอร์จิ้ง อีสเทอร์น ยุโรป มีผลการดำเนินการที่ดี
ในขณะที่ยอดเบี้ยประกันและเงินฝากตลอดทั้งปีมีมูลค่าทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่มีเพียง 528.5 ล้านบาท มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 145% คิดเป็นมูลค่า 7,350 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีการยกระดับและขยายตัวของตัวแทนคุณภาพของบริษัทเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 23% ในปี 2550 สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเป้าหมายในการที่จะเป็น 1 ใน 10 ของบริษัทประกันชีวิตชั้นนำในประเทศไทยภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ โดยจะต้องเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาคุณภาพของแผนประกันชีวิตให้ดียิ่งขึ้นและให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ
“ส่วนหนึ่งในกลยุทธ์คือการรับมือกับความปรารถนาและต้องการของลูกค้า เราตั้งเป้าที่จะขยายตัวแทนจำหน่ายให้เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวในปีหน้า เราจะมาดูผลการเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัทภายในปี 2552 และเน้นในเรื่องของการสร้างภาพพจน์ที่ดีของบริษัทที่มากขึ้น และการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ตลาดวงการประกันชีวิตของประเทศไทยจะต้องพัฒนามากขึ้นและมีผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนขึ้น และผมมั่นใจว่าบริษัทแมนูไลฟ์ จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาดังกล่าว” นายบรูสกล่าว
