xs
xsm
sm
md
lg

เคเอฯ เร่งปั๊มยอดขายไม้ลามิเนต เหตุบาทแข็งไม่ช่วย-ซื้อขายผ่านยูโร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บาทแข็งค่าอาจไม่หนุนธุรกิจนำเข้าสินค้าไม้ลามิเนต ผู้บริหารเคเอ เพาเวอร์ฯ ยอมรับบริษัทฯซื้อขายสินค้าผ่านเงินสกุลยูโร ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง พร้อมปรับกลยุทธ์เร่งยอดขายเพิ่มกำไรชดเชยต้นทุน นำเข้าไม้พื้น"อาเต้"เจาะกลุ่มตลาดระดับบน ตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้ 100 ล้านบาท

นายกิตติ อภิชนบัญชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคเอ เพาเวอร์ จำกัด ผู้นำเข้าพื้นไม้ลามิเนตและอุปกรณ์เสริม ภายใต้แบรนด์ "กาแลนท์" เปิดเผยว่า การยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% จะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ และเกิดการเข้ามาลงทุนและซื้อที่อยู่อาศัยในไทยมากขึ้น ตลอดจนส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น เป็นผลดีกับบริษัทเอกชนที่นำเข้าสินค้ามาจำหน่ายในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลเสียต่อการส่งออกของผู้ประกอบการส่งออกด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทไม่ได้รับผลบวกดังกล่าว เนื่องจากสินค้าที่บริษัทนำเข้าเป็นการนำเข้าจากกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งใช้เงินสกุลเงินยูโร ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินยูโรจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ดังนั้น ในการทำตลาดของบริษัทจึงต้องอาศัยจำนวนยอดขายที่สูงเพื่อเพิ่มกำไรให้เติบโตด้วย

สำหรับในปีนี้ บริษัทได้เพิ่มสินค้านำเข้าไม้พื้น แบรนด์ควิ๊กสเต็ป (Quick Step) อีก1 รุ่น คือ ไม้พื้นอาเต้ เพื่อเพิ่มยอดขายและรักษาอัตรากำไรของบริษัท จากเดิมที่บริษัทมีสินค้าในแบรนด์ควิ๊กสเต็ปอยู่แล้ว2 รุ่น คือ "คาวาเลียร์" และ "เพอสเป็คทีฟ" เป็นสินค้าจับกลุ่มตลาดบ้านระดับพรีเมียม ราคา 6.5-8 ล้านบาทขึ้นไป โดยไม้พื้นอาเต้ จะมีราคาขาย2,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) ขึ้นไป โดยการนำไม้พื้นเข้ามาทำตลาดในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากสินค้าตัวใหม่ดังกล่าว 10 ล้านบาท ส่วนไม้พื้นคาวาเลียร์ และเพอสเป็คทีฟนั้น คาดมียอดขายรวม 20ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีไม้พื้นแบรนด์กาแลนท์ แบ่งออกเป็นรุ่นคลาสสิค อีริแกรนด์ และแกรนด์ดัวร์ ซึ่งจับกลุ่มตลาดระดับกลาง คาดว่าจะมียอดขายทั้งปี 40-50 ล้านบาท ส่วนไม้พื้นในแบรนด์ ซีต้า จับกลุ่มตลาดระดับล่าง คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 20 ล้านบาทต่อปี โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 100 ล้านบาท ในช่วง 2เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายรวม 20 ล้านบาท

" ในช่วงต้นปี 51 ตลาดรวมยังมีอัตราการขยายตัวเท่ากับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าในช่วงหลังไตรมาส3ไปแล้ว ตลาดจะการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นจากมาตรการที่รัฐบาลใช้กระตุ้นธุรกิจภาคอสังหาฯ แต่ต้องจับตาดูกันอีกครั้งหนึ่งว่า 6-12 เดือนไปแล้ว มาตรการภาษี และการยกเลิกมาตรการกันสำรอง30% จะส่งผลต่อภาพรวมตลาดแค่ไหน " นายกิตติ กล่าว

อนึ่ง แนวโน้มปริมาณการใช้พื้นไม้ลามิเนตจะเพิ่มต่อเนื่อง คาดมูลค่ารวมมากกว่า 2,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น