xs
xsm
sm
md
lg

กองอสังหาฯตีปีกโตแสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์” ตีปีกรับแบงก์ชาติปลดล็อกมาตรการ 30% ประเมินนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศจ้องตาเป็นมัน เหตุให้ผลตอบแทนสูงในช่วงดอกเบี้ยต่ำ วงการกองทุนลุ้นเอ็นเอวีทั้งระบบแตะ 1 แสนล้านบาท “ไอเอ็นจี” รีวิวแผนออกกองทุนขนาด 3 หมื่นล้านกลางปีนี้ ด้าน “ทหารไทย” ได้เวลาปัดฝุ่นเพิ่มทุน CPNRF ส่วน “กสิกรไทย” ขยับเวลาออกกองใหม่เร็วขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ เดินหน้าระดมทุนผ่านกองทุนอสังหาฯ ต่อ

นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวถึงการประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ก.พ.) ว่า ในส่วนของอุตสาหกรรมกองทุนรวมนั้น กองทุนที่น่าจะได้รับผลดีจากการยกเลิกมาตรการดังกล่าว จะเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์) ซึ่งจะทำให้การออกกองทุนใหม่และการเพิ่มทุนในกองทุนเดิมที่มีอยู่แล้วสามารถทำได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น และอาจจะส่งผลทำให้ในปีนี้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบในปีนี้เพิ่มขึ้นถึงระดับ 100,000 ล้านบาทได้

สำหรับแผนงานด้านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) นั้น ในปีนี้ก็ยังจะมีการออกกองทุนใหม่ๆ รวมไปถึงการขยายกองทุนเก่าอย่างต่อเนื่อง ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขนาด 30,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะออกหลังจากที่ภาครัฐยกเลิกมาตรการ 30% นั้น คาดว่า น่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า ภาครัฐอาจจะมีการอนุญาติให้กองทุนส่วนบุคคลสามารถออกไปลงทุนในต่างประเทศในช่วงเร็วๆ นี้ เพราะเรื่องดังกล่าว จะเป็นอีกช่องทางในการช่วยปรับสมดุลการไหลเข้าออกของเม็ดเงินลงทุนในประเทศมากยิ่งขึ้น

นายนที ดำรงกิจการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.นครหลวงไทย จำกัด กล่าว่า เป็นเรื่องที่ดีเมื่อ ธปท.ประกาศยกเลิก ซึ่งจะทำให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์หลายกองทุนที่มีแผนออก จะได้รับการตอบรับทั้งจากนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างประเทศ ส่วนผู้ลงทุนจะได้รับผลดี คือ มีสินค้าให้เลือกลงทุนมาขึ้น ทั้งนี้ ประมาณการว่ามูลค่าเม็ดเงินลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบในปี 2551 จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นขั้นต่ำประมาณ 20,000 ล้านบาท ส่วนแผนการออกพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ของบริษัทยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิมที่วางไว้ นั่นคือ ในช่วงปลายไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 2 นี้ตามเดิม

**ทหารไทยปัดฝุ่นเพิ่มทุน CPNRF**

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า การที่ภาครัฐได้ประกาศยกเลิกมาตรการ 30% จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด โดยในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) ซึ่งเป็นกองทุนในการบริหารจัดการของบริษัท และมีแผนที่จะทำการเพิ่มทุนตั้งแต่ก่อนหน้านี้นั้น ดังนั้นเมื่อมาตรการดังกล่าวมีการยกเลิก บริษัทจะดำเนินการเจรจากับเจ้าของทรัพย์สินถึงแผนงานดังกล่าวอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน เรื่องนี้จะทำให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองทุนเก่าๆ ที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ขณะนี้มีสภาพคล่องในการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้การเพิ่มทุนกองทุนมีความสะดวกเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ จะทำให้มีการเปิดระดมทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ รวมไปถึงกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน

**กสิกรไทยเลื่อนแผนออกกองเร็วขึ้น**

นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% จะทำให้นักลงทุนคงเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการลงทุนในกองทุนประเภทนี้จำเป็นที่จะต้องลงทุนผ่านกองทุนอื่นๆ ในต่างประเทศ ทำให้กองทุนของไทยเสียโอกาสในการดูแลลูกค้า และค่าธรรมเนียมที่แต่ละบริษัทจะได้รับไป

สำหรับแผนการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ของ บลจ.กสิกรไทย หลังจากนี้ น่าจะเลื่อนออกมาให้เร็วขึ้นได้ แต่จำเป็นที่จะต้องดูในเรื่องความต้องการของลูกค้าก่อนว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร ส่วนการเพิ่มจำนวนกองทุน และขนาดของแต่ละกองทุนที่ออกหรือไม่นั้น ต้องมีการพิจารณาอีกครั้งด้วยเช่นกัน เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละประเภทมักมีมูลค่าที่ต่างกัน และการหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดียังมีอยู่จำกัดในช่วงนี้

ทั้งนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์เดิมที่ บลจ.กสิกรไทย มีอยู่แล้ว น่าจะมีโอกาสนำมาขยายขนาด หรือนำมารวมกับกองใหม่ที่จะมีการจัดตั้งขึ้นได้ เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ แต่คงต้องหาสินทรัพย์ที่มีลักษณะเดียวกันก่อนถึงจะทำได้ อย่างเช่น ถ้ากองเก่าเป็นเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ กองทุนใหม่ที่จะนำมารวมด้วยควรที่จะเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ด้วยเหมือนกัน

นางวิวรรณ กล่าวอีกว่า แนวโน้มการลงทุนภายในประเทศไทย หลังจากมีการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% แล้วน่าจะดีขึ้นบ้าง แต่คงจะไม่ดีเต็มที่เท่าไรนัก เพราะการลงทุนในประเทศไทยยังคงมีความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาล และ ธปท.อยู่ ซึ่งที่ผ่านมายังคงมีความไม่แน่นอนการนำมาตรการต่างๆ มาใช้ โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกก็เป็นได้

“การลงทุนคงจะดีขึ้นหลังยกเลิกมาตรการนี้ แต่คงจะไม่กลับไปเหมือนเดิม โดยการสถานการณ์การลงทุนบ้านเราที่ผ่านมาเหมือนมีแผลที่มีเลือดออก แต่เมื่อเลือดออกแล้วใช้ว่าแผลนั้นจะหายไป มันจะยังคงเหลือแผลเป็นอยู่ และการลงทุนในบ้านเราก็มีความเสี่ยงจากนโยบายที่ไม่แน่นอนอีกด้วย” นางวิวรรณ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากยกเลิกมาตรการนี้แล้วสิ่งที่จำเป็น คือ การดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไป โดยหลังจากนี้เชื่อว่าจะมีเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นเข้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ส่วนจะเป็นมาตรการแบบไหนนั้นจะต้องมีการพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง

**เปิดช่องทางธุรกิจอสังหาระดมทุน**

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ กรรมการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวภายหลังการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ของ ธปท.ว่า เรืองดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ประการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นการเปิดช่องทางในการระดมทุนของผู้ประกอบเหล่านี้ โดยเฉพาะบริษัทเองที่จัดตั้งกองทุนกองทุนอสังหาฯ ที่ดำเนินธุรกิจให้เช่าพื้นที่ อาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ หรือโรงแรม แต่เรื่องดังกล่าวจะเริ่มมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นประมาณกลางปีนี้ ขณะเดียวกัน เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบในปี 2551 จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเหมือนเมื่อเป็นปี 2548-2549 ที่มีการขยายตัวถึงเท่าตัว ขณะที่ในปีที่ผ่านมาจากมาตรการกันสำรอง 30% ทำให้ยอดเงินลงทุนทั้งระบบปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ METRO กล่าวว่าเรื่องนี้นับว่ามีผลดีต่อการลงทุนในประเทศได้เยอะ เพราะแต่เดิมนักลงทุนต่างประเทศมีความกังวลในเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะกองทุนรวมจากประเทศต่างๆ ซึ่งหลังจากการประกาศยกเลิกนี้จะทำให้เมืองไทยเป็นตลาดที่น่าลงทุนอีกตลาดหนึ่งเช่นกัน

“เรื่องนี้ถือว่ามีผลดี โดยเฉพาะในด้านจิตวิทยาของนักลงทันต่างชาติ หรือกองทุน เพราะนอกจากจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศแล้ว ยังมีผลเชิงลูกโซ่นั่นคือจะเกิดการจ้างเพิ่มขึ้น ประชาชนจะเป็นผู้รับประโยชน์ อย่างไรก็ตาม การยกเลิกครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกแน่ เนื่องจากเงินบาทจะมีความแข็งค่าขึ้น”

ในส่วนของแผนการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท จะเป็นไปตามกำหนดการเดิม และจะไม่มีการขยายเป้าเงินระดมทุนเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากราคาและเป้าหมายในการระดมทุนได้ถูกกำหนด และทำการประเมินราคาจากที่ปรึกษาอย่างชัดเจนแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น