IRP ตั้งบริษัทย่อยที่สหรัฐฯ เพื่อปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทย่อย พร้อมแจ้งผลงานงวดสิ้นปี 50 มีกำไรเ 1,072.68 หรือเพิ่มขึ้น 36.78% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลจากรายได้พุ่งไปที่ 11,863 ล้านบาท ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น คาดโครงการเพิ่มกำลังการผลิต 3 แห่ง แล้วเสร็จภายใน2 ปีนี้
นายอาลก โลเฮีย รองประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) (IRP) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2551 เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2551 ว่าบอร์ดอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ใน สหรัฐฯ คือ บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส (สหรัฐอเมริกา) จำกัด (Indorama Polymers (USA) Inc.) ด้วยทุนจดทะเบียน 44 ล้านเหรียญสหรัฐ และ IRP ถือหุ้น 100% เพื่อปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทย่อยใน สหรัฐอเมริกา พร้อมให้บริษัท อัลฟาเพ็ท จำกัด ประเทศสหรัฐฯ ที่บริษัทถืออยู่ 100% เป็นบริษัทย่อยของบริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส (สหรัฐอเมริกา) จำกัด ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยจะดำเนินการทันทีที่จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่เสร็จ
โดย IRP แจ้งผลการดำเนินงานปี50 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,072.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 288.42 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 784.26 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.57 บาท เป็น 0.78 บาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 36.78% เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 25,559 บาท หรือเพิ่มขึ้น 115.5% ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณขายเม็ดพลาสติก PETที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนขายไม่รวมค่าเสื่อมราคา เพิ่มจากปริมาณการผลิตและปริมาณการขายที่สูงขึ้น เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ที่สูงขึ้น
สำหรับโครงการเพิ่มกำลังการผลิต 2 โครงการ และโครงการที่จะเข้าซื้อใหม่อีก 1 โครงการ คือ โครงการเพิ่มกำลังการผลิตของบริษัท เอเซีย เพ็ท (ไทยแลนด์) จำกัด ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกขั้นกลางเป็น 180,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 60% จากในปี49 คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปีนี้ โครงการก่อสร้างโรงงานเม็ดพลาสติก PET ของบริษัท อัลฟาเพ็ท จำกัด ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET แห่งใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐฯ ที่มีกำลังการผลิตที่ 432,000 ตันต่อปี คาดแล้วเสร็จไตรมาส 1/52
รวมทั้งบริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส ยุโรป จำกัด ประเทศลิทัวเนีย และบริษัทย่อยสองแห่ง จะเข้าซื้อโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET 2 แห่ง คือ โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET ที่เนเธอร์แลนด์ และโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET ที่อังกฤษ จากบริษัท อีสแมน เคมิคอลล์ส จำกัด โดยโรงงานทั้งสองแห่งจะมีกำลังการผลิตรวมกันที่ 355,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าการซื้อขายดังกล่าวจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคม 2551
นายอาลก โลเฮีย รองประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) (IRP) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2551 เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2551 ว่าบอร์ดอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ใน สหรัฐฯ คือ บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส (สหรัฐอเมริกา) จำกัด (Indorama Polymers (USA) Inc.) ด้วยทุนจดทะเบียน 44 ล้านเหรียญสหรัฐ และ IRP ถือหุ้น 100% เพื่อปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทย่อยใน สหรัฐอเมริกา พร้อมให้บริษัท อัลฟาเพ็ท จำกัด ประเทศสหรัฐฯ ที่บริษัทถืออยู่ 100% เป็นบริษัทย่อยของบริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส (สหรัฐอเมริกา) จำกัด ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยจะดำเนินการทันทีที่จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่เสร็จ
โดย IRP แจ้งผลการดำเนินงานปี50 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 1,072.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 288.42 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 784.26 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.57 บาท เป็น 0.78 บาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 36.78% เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 25,559 บาท หรือเพิ่มขึ้น 115.5% ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณขายเม็ดพลาสติก PETที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนขายไม่รวมค่าเสื่อมราคา เพิ่มจากปริมาณการผลิตและปริมาณการขายที่สูงขึ้น เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ที่สูงขึ้น
สำหรับโครงการเพิ่มกำลังการผลิต 2 โครงการ และโครงการที่จะเข้าซื้อใหม่อีก 1 โครงการ คือ โครงการเพิ่มกำลังการผลิตของบริษัท เอเซีย เพ็ท (ไทยแลนด์) จำกัด ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกขั้นกลางเป็น 180,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 60% จากในปี49 คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปีนี้ โครงการก่อสร้างโรงงานเม็ดพลาสติก PET ของบริษัท อัลฟาเพ็ท จำกัด ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET แห่งใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐฯ ที่มีกำลังการผลิตที่ 432,000 ตันต่อปี คาดแล้วเสร็จไตรมาส 1/52
รวมทั้งบริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส ยุโรป จำกัด ประเทศลิทัวเนีย และบริษัทย่อยสองแห่ง จะเข้าซื้อโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET 2 แห่ง คือ โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET ที่เนเธอร์แลนด์ และโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET ที่อังกฤษ จากบริษัท อีสแมน เคมิคอลล์ส จำกัด โดยโรงงานทั้งสองแห่งจะมีกำลังการผลิตรวมกันที่ 355,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าการซื้อขายดังกล่าวจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคม 2551