บอร์ดน้ำประปาไทย ไฟเขียวเดินหน้าเข้าระดมทุนให้เร็วที่สุด "สมโพธิ" ระบุรอที่ปรึกษาฯสรุปแผนนำเสนอโรดโชว์ใน-นอกประเทศชี้ภาวะตลาดหุ้นเริ่มดีหลังปัญหาการเมืองในประเทศชัดเจนมากขึ้น มั่นใจไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบนอกประเทศ ด้านบล.บีฟิท ลุยงานวาณิชธนกิจ เต็มที่หลังดึงมือดีช่วยงาน ยิ้มดีลไอพีโอในมือ 14 บริษัท เตรียมเข็นบล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์-ไทยง้วนฯ ระดมทุนได้ปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3
นายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TTW เปิดเผยถึง ผลการประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 50 ที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการมีมติอนุมัติให้เดินหน้าในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมเต็มที่ที่จะระดมทุน โดยบริษัทได้แจ้งเรื่องดังกล่าวต่อทีมวาณิชธนกิจบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทจะรอรายละเอียดและแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จากที่ปรึกษาทางการเงินก่อน ก่อนจะสรุปขั้นตอนการนำเสนอข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกครั้ง โดยคาดว่าภายในสัปดาห์นี้หรืออย่างช้าสัปดาห์หน้าที่ปรึกษาทางการเงินจะพร้อมนำเสนอแผนดำเนินการเพื่อให้บริษัทพิจารณาสรุปต่อไป
สำหรับการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 1-2 เดือนนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจัยลบภายในประเทศที่กดดันการลงทุนมายาวนานมีความชัดเจนมากขึ้น มีการจัดตั้งรัฐบาล ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีรวมถึงนโยบายในเรื่องต่างๆ ซึ่งทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังอาจจะมีความผันผวนที่เกิดขึ้นจากปัจจัยจากต่างประเทศบ้าง แต่เรื่องดังกล่าวถือว่าไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งบริษัทไม่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบหากบริษัทจะเข้าระดมทุน เนื่องจากพื้นฐานของบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่ง มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง
"ตอนนี้บอร์ดบริษัทอนุมัติให้เดินหน้าเต็มที่ เราส่งเรื่องดังกล่าวไปยังที่ปรึกษาแล้วตอนนี้เรารอให้เค้ากลับมาเสนอแผนอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าจังหวะในการเข้าระดมทุนช่วงนี้เหมาะสม เพราะปัจจัยในประเทศค่อนข้างเป็นไปในเชิงบวกอาจจะมีความเป็นห่วงจากปัจจัยต่างประเทศบ้าง แต่เราก็ควบคุมไม่ได้" นายสมโพธิกล่าว
ด้านนายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนในการนำบมจ.น้ำประปาไทย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะรีบดำเนินการในการนำเสนอแผนให้กับผู้บริหาร ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนได้ตามแผนงานที่บริษัทกำหนดไว้
ทั้งนี้ ปัจจุบันข้อมูลและขั้นตอนต่างๆ ของบมจ.น้ำประปาไทย ถือว่าครบถ้วน แต่จะมีการปรับปรุงข้อมูลงบการเงินของบริษัทงวดสิ้นปี 2550 เพื่อให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
"เราจะเข้าไปนำเสนอแผนในการโรดโชว์และการเข้าจดทะเบียนให้เร็วที่สุด เพื่อให้สามารถเข้าจดทะเบียนได้ตามกำหนดที่บริษัทต้องการ และจะมีการอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมกับก.ล.ต.เพื่อให้ครบถ้วนมากขึ้น"นายรพีกล่าว
**"บีฟิท"เล็งหาพันธมิตรตปท.
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) หรือ BSEC เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาร่วมดำเนินธุรกิจ โดยปัจจุบันมีการเจรจากับพันธมิตร 3 รายทั้งในแถบเอเชียและยุโรป โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้อย่างเป็นทางการในไตรมาส 2-3 นี้
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ในปีนี้ที่ 5% เพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 3.56% โดยคาดว่ารายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการขยายทีมวาณิชธนกิจ ส่งผลทำให้งานในด้านดังกล่าวบริษัทมีค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้างานในการนำเข้าจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ทั้งสิ้น 14 รายโดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเหล็กและวัสดุก่อสร้าง
"ทีมงานที่เราดึงเข้ามามีความเป็นมืออาชีพ ผ่านงานด้านนั้นๆ มาค่อนข้างมาก เราต้องการสร้างความแข็งแกร่งเพื่ออุดช่องโหว่และไม่ต้องการที่จะเริ่มต้นใหม่ จึงต้องดึงคนที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วมทำงาน" นายประสิทธิ์กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถนำบริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์เนอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทไทยง้วน เอทานอล เข้าจดทะเบียนในได้ในช่วงปลายไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อมูลเพิ่มเติม
นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะขยายสาขาโดยเปิดสาขาไซเบอร์ บลานซ์ อีกประมาณ 2-3 สาขา เพื่อรองรับการเติบโตของการซื้อขายด้านอินเทอร์เน็ตในอนาคต โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับการตอบรับที่ดีทำให้มีมาร์เก็ตแชร์ในอินเทอร์เน็ต เทรดดิ้ง เป็นอันดับ 1 นอกจากนี้จะเร่งเพิ่มสินค้าและบริการ ทั้งในส่วน AFET, TFEX, ชอร์ตเซลล์, เครดิต บาลานซ์ โดยคาดว่าจะเพิ่มสินค้าดังกล่าวเสร็จสิ้นได้ในช่วงไตรมาส 2/51 นี้
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงการนำเสนอบทวิจัย โดยเน้นให้ถึงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยจะมีการนำประเด็นที่เป็นที่สนใจเข้ามาร่วมวิเคราะห์ รวมทั้งจะเน้นการวิเคราะห์หุ้นขนาดกลางมากขึ้นด้วย
นายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TTW เปิดเผยถึง ผลการประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 50 ที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการมีมติอนุมัติให้เดินหน้าในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมเต็มที่ที่จะระดมทุน โดยบริษัทได้แจ้งเรื่องดังกล่าวต่อทีมวาณิชธนกิจบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทจะรอรายละเอียดและแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จากที่ปรึกษาทางการเงินก่อน ก่อนจะสรุปขั้นตอนการนำเสนอข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกครั้ง โดยคาดว่าภายในสัปดาห์นี้หรืออย่างช้าสัปดาห์หน้าที่ปรึกษาทางการเงินจะพร้อมนำเสนอแผนดำเนินการเพื่อให้บริษัทพิจารณาสรุปต่อไป
สำหรับการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 1-2 เดือนนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจัยลบภายในประเทศที่กดดันการลงทุนมายาวนานมีความชัดเจนมากขึ้น มีการจัดตั้งรัฐบาล ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีรวมถึงนโยบายในเรื่องต่างๆ ซึ่งทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังอาจจะมีความผันผวนที่เกิดขึ้นจากปัจจัยจากต่างประเทศบ้าง แต่เรื่องดังกล่าวถือว่าไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งบริษัทไม่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบหากบริษัทจะเข้าระดมทุน เนื่องจากพื้นฐานของบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่ง มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง
"ตอนนี้บอร์ดบริษัทอนุมัติให้เดินหน้าเต็มที่ เราส่งเรื่องดังกล่าวไปยังที่ปรึกษาแล้วตอนนี้เรารอให้เค้ากลับมาเสนอแผนอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าจังหวะในการเข้าระดมทุนช่วงนี้เหมาะสม เพราะปัจจัยในประเทศค่อนข้างเป็นไปในเชิงบวกอาจจะมีความเป็นห่วงจากปัจจัยต่างประเทศบ้าง แต่เราก็ควบคุมไม่ได้" นายสมโพธิกล่าว
ด้านนายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนในการนำบมจ.น้ำประปาไทย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะรีบดำเนินการในการนำเสนอแผนให้กับผู้บริหาร ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนได้ตามแผนงานที่บริษัทกำหนดไว้
ทั้งนี้ ปัจจุบันข้อมูลและขั้นตอนต่างๆ ของบมจ.น้ำประปาไทย ถือว่าครบถ้วน แต่จะมีการปรับปรุงข้อมูลงบการเงินของบริษัทงวดสิ้นปี 2550 เพื่อให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
"เราจะเข้าไปนำเสนอแผนในการโรดโชว์และการเข้าจดทะเบียนให้เร็วที่สุด เพื่อให้สามารถเข้าจดทะเบียนได้ตามกำหนดที่บริษัทต้องการ และจะมีการอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมกับก.ล.ต.เพื่อให้ครบถ้วนมากขึ้น"นายรพีกล่าว
**"บีฟิท"เล็งหาพันธมิตรตปท.
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) หรือ BSEC เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาร่วมดำเนินธุรกิจ โดยปัจจุบันมีการเจรจากับพันธมิตร 3 รายทั้งในแถบเอเชียและยุโรป โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้อย่างเป็นทางการในไตรมาส 2-3 นี้
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ในปีนี้ที่ 5% เพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 3.56% โดยคาดว่ารายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการขยายทีมวาณิชธนกิจ ส่งผลทำให้งานในด้านดังกล่าวบริษัทมีค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้างานในการนำเข้าจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ทั้งสิ้น 14 รายโดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเหล็กและวัสดุก่อสร้าง
"ทีมงานที่เราดึงเข้ามามีความเป็นมืออาชีพ ผ่านงานด้านนั้นๆ มาค่อนข้างมาก เราต้องการสร้างความแข็งแกร่งเพื่ออุดช่องโหว่และไม่ต้องการที่จะเริ่มต้นใหม่ จึงต้องดึงคนที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วมทำงาน" นายประสิทธิ์กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถนำบริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์เนอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทไทยง้วน เอทานอล เข้าจดทะเบียนในได้ในช่วงปลายไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อมูลเพิ่มเติม
นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะขยายสาขาโดยเปิดสาขาไซเบอร์ บลานซ์ อีกประมาณ 2-3 สาขา เพื่อรองรับการเติบโตของการซื้อขายด้านอินเทอร์เน็ตในอนาคต โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับการตอบรับที่ดีทำให้มีมาร์เก็ตแชร์ในอินเทอร์เน็ต เทรดดิ้ง เป็นอันดับ 1 นอกจากนี้จะเร่งเพิ่มสินค้าและบริการ ทั้งในส่วน AFET, TFEX, ชอร์ตเซลล์, เครดิต บาลานซ์ โดยคาดว่าจะเพิ่มสินค้าดังกล่าวเสร็จสิ้นได้ในช่วงไตรมาส 2/51 นี้
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงการนำเสนอบทวิจัย โดยเน้นให้ถึงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยจะมีการนำประเด็นที่เป็นที่สนใจเข้ามาร่วมวิเคราะห์ รวมทั้งจะเน้นการวิเคราะห์หุ้นขนาดกลางมากขึ้นด้วย