ผู้ประกอบการรถโดยสาร แห่ตบเท้าเข้าอวยพร รมว.คมนาคมใหม่ คึกคัก "เจ๊เกียว" อ้อนขอขึ้นราคา 6 สต./กม. อ้างทนแบกต้นทุนไม่ไหว
นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมรถโดยสารประจำทางไทย พร้อมด้วยนายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วมองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) พร้อมด้วยสมาชิกกว่า 20 คน มามอบดอกไม้ให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ โดยจะขอรับทราบนโยบายเกี่ยวกับค่าโดยสาร ว่าจะมีแนวทางอย่างไร รวมทั้งจะรายงานสภาพการรับภาระต้นทุนราคาน้ำมันในปัจจุบัน
นายบรรยงค์ กล่าวว่า อยากให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาจากราคาน้ำมันอย่างยุติธรรม และอยากให้ขึ้นค่าโดยสารรถ ขสมก. เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เพราะมีหลายเส้นทางที่รถร่วมฯ กับรถ ขสมก.วิ่งในเส้นทางเดียวกัน และขอเสนอว่า หากไม่สามารถขึ้นค่าโดยสารควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยการอุดหนุนน้ำมันให้ผู้ประกอบการใช้ในบางส่วน เ พราะขณะนี้รายได้ต่อคันต่อวันอยู่ที่ 4,000-5,000 บาท ในขณะที่มีค่าน้ำมันถึง 3,000 บาทต่อวัน และยังมีค่าแรงพนักงาน ค่าซ่อมบำรุง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย
ด้านนางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร กล่าวว่า เร็วๆ นี้ จะเดินทางเข้าพบนายสันติ เพื่อขอรับทราบนโยบายเกี่ยวกับการปรับค่าโดยสาร โดยทางสมาคมฯ จะเดินหน้าขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสารในอัตรา 6 สตางค์ต่อกิโลเมตร และขอให้กระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้องที่ทางสมาคมเรียกร้องต่อนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต้นทุนน้ำมันจำนวนมาก รวมถึงต้องรับภาระในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือซื้อรถใหม่ เพื่อรองรับการใช้ก๊าซธรรมชาติที่จะทำให้ต้นทุนการเดินรถลดลง
สำหรับข้อเรียกร้องประกอบด้วย ขอให้อนุมัติลดเที่ยววิ่งทั้งขาขึ้นและขาล่องร้อยละ 30 ของเที่ยววิ่งจริง และให้สามารถรวมเที่ยววิ่งได้ แต่เที่ยววิ่งสุดท้ายให้ยังคงเดิมไว้ ส่วนบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ให้พื้นที่กับรถร่วมฯ ในการจัดทำห้องรับรองผู้โดยสาร โดยทางรถร่วมฯ จะเป็นผู้ดำเนินการเองเพื่อรองรับผู้โดยสารที่ต้องรอขึ้นรถกรณีที่เที่ยววิ่งที่จองตั๋วไว้ไม่มีผู้โดยสารมากพอ ทำให้ต้องรอขึ้นรถเที่ยวต่อไป ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารอีกทางหนึ่ง ขอให้นิรโทษกรรมด้วยการลดหนี้อันเกิดจากรถร่วมฯ ที่กระทำผิดโดยไม่เจตนา หรือปัญหาที่ไม่สามารถหาเอกสารมาประกอบเรื่องได้ การให้ผู้โดยสารทุกคนซื้อเบี้ยประกันภัยคนละ 5 บาท เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือชดเชยกรณีเสียชีวิต รายละ 70,000-100,000 บาท เป็นต้น
นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมรถโดยสารประจำทางไทย พร้อมด้วยนายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วมองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) พร้อมด้วยสมาชิกกว่า 20 คน มามอบดอกไม้ให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ โดยจะขอรับทราบนโยบายเกี่ยวกับค่าโดยสาร ว่าจะมีแนวทางอย่างไร รวมทั้งจะรายงานสภาพการรับภาระต้นทุนราคาน้ำมันในปัจจุบัน
นายบรรยงค์ กล่าวว่า อยากให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาจากราคาน้ำมันอย่างยุติธรรม และอยากให้ขึ้นค่าโดยสารรถ ขสมก. เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เพราะมีหลายเส้นทางที่รถร่วมฯ กับรถ ขสมก.วิ่งในเส้นทางเดียวกัน และขอเสนอว่า หากไม่สามารถขึ้นค่าโดยสารควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยการอุดหนุนน้ำมันให้ผู้ประกอบการใช้ในบางส่วน เ พราะขณะนี้รายได้ต่อคันต่อวันอยู่ที่ 4,000-5,000 บาท ในขณะที่มีค่าน้ำมันถึง 3,000 บาทต่อวัน และยังมีค่าแรงพนักงาน ค่าซ่อมบำรุง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย
ด้านนางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร กล่าวว่า เร็วๆ นี้ จะเดินทางเข้าพบนายสันติ เพื่อขอรับทราบนโยบายเกี่ยวกับการปรับค่าโดยสาร โดยทางสมาคมฯ จะเดินหน้าขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสารในอัตรา 6 สตางค์ต่อกิโลเมตร และขอให้กระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้องที่ทางสมาคมเรียกร้องต่อนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต้นทุนน้ำมันจำนวนมาก รวมถึงต้องรับภาระในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือซื้อรถใหม่ เพื่อรองรับการใช้ก๊าซธรรมชาติที่จะทำให้ต้นทุนการเดินรถลดลง
สำหรับข้อเรียกร้องประกอบด้วย ขอให้อนุมัติลดเที่ยววิ่งทั้งขาขึ้นและขาล่องร้อยละ 30 ของเที่ยววิ่งจริง และให้สามารถรวมเที่ยววิ่งได้ แต่เที่ยววิ่งสุดท้ายให้ยังคงเดิมไว้ ส่วนบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ให้พื้นที่กับรถร่วมฯ ในการจัดทำห้องรับรองผู้โดยสาร โดยทางรถร่วมฯ จะเป็นผู้ดำเนินการเองเพื่อรองรับผู้โดยสารที่ต้องรอขึ้นรถกรณีที่เที่ยววิ่งที่จองตั๋วไว้ไม่มีผู้โดยสารมากพอ ทำให้ต้องรอขึ้นรถเที่ยวต่อไป ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารอีกทางหนึ่ง ขอให้นิรโทษกรรมด้วยการลดหนี้อันเกิดจากรถร่วมฯ ที่กระทำผิดโดยไม่เจตนา หรือปัญหาที่ไม่สามารถหาเอกสารมาประกอบเรื่องได้ การให้ผู้โดยสารทุกคนซื้อเบี้ยประกันภัยคนละ 5 บาท เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือชดเชยกรณีเสียชีวิต รายละ 70,000-100,000 บาท เป็นต้น
