xs
xsm
sm
md
lg

เกียรตินาคินตั้งเป้าเช่าซื้อโต 35% ฟุ้งดัน “มาร์เก็ตแชร์” ติดอันดับ 1 ใน 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนาคารเกียรตินาคิน วาดแผนขยายสินทรัพย์แตะแสนล้าน ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมเป็น 50% ส่วนสินเชื่อรวมขยายตัว 30% โดยมีสินเชื่อเช่าซื้อเป็นแกนนำเหมือนเดิม ยันแม้ยอดซื้อรถใหม่จะหด แต่สินเชื่อยังโตได้ พร้อมลดหนี้จัดชั้นเหลือ 8% เน้นบริหารเองเพราะไม่มีนโยบายขายออก ระบุ ปีนี้เตรียมออกหุ้นกู้อีก 2 รอบหรือประมาณ 6,000 ล้านบาท

นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายจะเพิ่มขนาดสินทรัพย์เป็น 100,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 88,000 ล้านบาท และมุ่งเน้นเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมเป็น 50% อีกทั้งจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา เป็น 37 สาขา โดยเป็นสาขาต่างจังหวัดจำนวน 8 แห่งอีก 2 แห่งเป็นสาขากรุงเทพและปริมณฑล

ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมไว้ที่ 30% หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20,000 ล้านบาท จากสิ้นปีที่แล้วมียอดสินเชื่อคงค้างรวมอยู่ที่ 65,084 ล้านบาท โดยสินเชื่อเช่าซื้อยังเป็นธุรกิจหลักของธนาคารที่ตั้งเป้าขยายตัว 35% หรือประมาณ 14,000 ล้านบาท จากยอดสินเชื่อเช่าซื้อรวม 42,200 ล้านบาท

โดยกลยุทธ์และแผนงานทางด้านสินเชื่อเช่าซื้อนั้น ธนาคารจะทำการเพิ่มช่องทางการให้บริการตลอดจนพัฒนาระบบต่างๆ เช่น การจัดทำศูนย์ข้อมูลข่าวสาร เพื่อกระจายข่าวสารที่สำคัญในการทำธุรกิจ และให้การสนับสนุนด้านต่างๆ กับคู่ค้า เพื่อให้คู่ค้าสามารถทำธุรกิจได้ดีขึ้น ตลอดจนนำระบบ HP Approval Online และการอนุมัติสินเชื่อฉับไว 30 นาที รวมทั้งมุ่งเน้นทำ Event Marketing ด้วยการเข้าร่วมงานใหญ่ๆ ระดับประเทศ และเพิ่มผลิตภัณฑ์ในด้านสินเชื่อส่วนบุคคลและการประกันภัย ซึ่งล่าสุดได้จัดทำโครงการ “KK Car Shied PLUS”

“ในปีนี้คาดว่า จะสามารถปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อได้เดือนละ 3,000 ล้านบาท แต่เดือนธันวาคมอาจจะขยับมาเป็น 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นปล่อยให้กับรถมือสองและรถใหม่ในสัดส่วน 50 ต่อ 50 ในปีที่ผ่านมาแม้ว่าตลาดรถใหม่จะติดลบ 6-7% แต่ยอดสินเชื่อเช่าซื้อโตขึ้น 40% และหากยอดสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ธนาคารตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับ 1 ใน 3 ของธุรกิจเช่าซื้อ” นายธวัชไชย กล่าว

นายธวัชไชย กล่าวว่า ในส่วนของการขยายสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย คาดว่า จะยังคงไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยจะยังคงอยู่ที่ 15,200 ล้านบาทเท่ากับปีที่ผ่านมา ส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หากดูจากความห่างของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แล้วทำให้เชื่อว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นช่วงขาลง ทำให้ทางการไทยมีความกดดันที่จะต้องทำการพิจารณาถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ เพราะหากมีการปรับลดลงมากไปก็จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นได้

**ลดหนี้เน่าเหลือ 8%

สำหรับหนี้จัดชั้น (Gross Classified Loan) ของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ 12.4% และในปีนี้มีแผนที่ลดให้เหลือ 8% แต่หากหักกันสำรองแล้วหนี้จัดชั้นสุทธิปัจจุบันจะอยู่ที่ 9.17% และจะลดเหลือประมาณ 5% โดยแนวทางในการจัดการหนี้จัดชั้นนั้นธนาคารจะเน้นการแก้ไขปัญหาของลูกค้าเอง โดยจะไม่มีนโยบายขายออกเพราะธนาคารมีประสบการณ์ในการแก้ไข

นอกจากนี้ ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายขายสินทรัพย์รอการขาย 3,000 ล้านบาท จากปัจจุบันซึ่งมีอยู่ 6,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะเร่งทำการตลาดมากขึ้น ทั้งการร่วมกับสมาคมทรัพย์สินรอการขายในการจำหน่ายทรัพย์ แต่หากคุณภาพดีมีขนาดใหญ่ธนาคารจะเปิดประมูลแบบพิเศษขึ้นมาเอง

สำหรับแนวโน้มการหาพันธมิตรต่างชาติของธนาคารพาณิชย์ไทยในปัจจุบันว่า หากมองในด้านความจำเป็นทางธุรกิจที่จะต้องมีพันธมิตรเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งนั้น ธนาคารยังไม่มีข้อจำกัดในเรื่องดังกล่าว ในขณะที่ด้านเงินทุนยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 16.4% อีกทั้งธนาคารยังเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กจึงยังไม่เป็นที่หมายปองของพันธมิตรต่างชาติ

**เล็งออกหุ้นกู้อีก 6 พันล.ขยายสินเชื่อ

ด้าน นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวว่า การที่ไม่มีพันธมิตรเข้ามาถือหุ้น แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อการทำธุรกิจของธนาคาร โดยปัจจุบันธนาคารยังคงทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการร่วมมือกับพันธมิตรหลายราย เช่น AIA และ ING แต่ไม่ใช่ในรูปแบบของการเข้ามาถือหุ้น

ส่วนแนวทางการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารนั้นตัวหลักจะมาจากการขายกองทุนรวม และจะมาจากส่วนที่ธนาคารได้ขยายการให้บริการในเดือน พ.ค.ที่จะมีการใช้ ATM POOL เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า และในไตรมาสที่ 3 จะเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง

ด้าน นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวว่า ปีนี้ธนาคารมีแผนจะออกหุ้นกู้อีก 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท โดยจะแบ่งออกขายในครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังรวมประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท อายุหุ้นกู้ประมาณ 2-4 ปี ทั้งนี้ เพื่อที่จะนำเงินที่ได้ไปขยายสินเชื่อและปรับโครงสร้างเงินฝาก

อีกทั้ง ในปีนี้ธนาคารคาดว่าจะสามารถรักษารายได้จากส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ให้อยู่ที่ 4.1% เท่ากับปีก่อนหน้า ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำได้เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยในปีนี้เป็นขาลง จะทำให้ต้นทุนเงินฝากของธนาคารไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่การปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารส่วนใหญ่จะเป็นดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว ดังนั้น แม้ดอกเบี้ยจะเป็นขาลงแต่ธนาคารก็ยังสามารถคิดดอกเบี้ยเงินกู้กับลูกค้าได้ในอัตราที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น