“ดร.สมชาย” เสนอ 6 มาตรการ เป็นทางเลือกให้ คลัง-ธปท. ตัดสินใจเพื่อดูแลผลกระทบค่าเงินบาท หากยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% พร้อมทำใจยอมรับ ผลกระทบข้างเคียง
วันนี้ (12 ก.พ.) ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐกิจและการเมือง และผู้เชี่ยวชาญตลาดหุ้น ได้ออกมาแสดงความเห็นด้วยที่จะยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ในทันที แต่ควรมีมาตรการรองรับการแข็งค่าของเงินบาท ภายหลังการยกเลิกมาตรการดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดผลกระทบทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยอาจจะเห็นเงินบาทที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับเงินบาทในตลาดต่างประเทศ และมีผลกระทบต่อผู้ส่งออกอย่างรุนแรง
ดร.สมชาย ประเมินว่า การยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% จะทำให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้พบสัญญาณการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ จากการซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย เพื่อรอเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน เพราะมั่นใจว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีก
สำหรับมาตรการรองรับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ดร.สมชาย ระบุว่า กระทรวงการคลังและแบงก์ชาติ สามารถทำได้ 6 แนวทาง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจร่วมกันของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง จะตัดสินใจให้น้ำหนักกับเรื่องใด มาตรการแรก คือ การลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศลง อย่างน้อย 0.5% เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเท่ากับหรือต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ซึ่งจะลดแรงจูงใจสำหรับการไหลเข้าของเงินทุน แต่ก็จะมีผลต่อนโยบายดอกเบี้ยควบคุมเงินเฟ้อที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูง
มาตรการที่ 2 คือ การเข้าแทรกแซงของ ธปท.ด้วยการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจน ธปท.ต้องออกพันธบัตรเพื่อดูดซับสภาพคล่อง มาตรการที่ 3 คือ การส่งเสริมให้เอกชนไทยไปลงทุนต่างประเทศ เพื่อให้เงินไหลออกและลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท มาตรการที่ 4 คือ การเก็บภาษีขาออกสำหรับกำไรของเงินทุนระยะสั้นของต่างชาติ ซึ่งเห็นว่า หากจะใช้มาตรการนี้ ควรใช้มาตั้งแต่แรก
สำหรับ มาตรการที่ 5 ได้แก่ การหันกลับไปใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยน แบบตะกร้าเงิน แต่ขยายช่วงการเคลื่อนไหวของเงินบาทให้ยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างแน่นอน และมาตรการที่ 6 สุดท้าย คือ การกำหนดให้เงินทุนต่างชาติที่เข้าไทย ต้องซื้อประกันความเสี่ยงเต็มจำนวน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มต้นทุนในการทำธุรกิจและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา
นายสมชาย กล่าวอีกว่า การจะใช้มาตรการใดจะต้องถูกต้องตามจังหวะเวลา โดย ธปท.อาจจะต้องยอมให้เงินบาทแข็งค่าตามกลไกตลาดในระยะแรก และหลังจากนั้นจึงออกมาตรการเสริม เพื่อทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงในระยะยาว
สำหรับผลกระทบจิตวิทยาต่อตลาดปริวรรตเงินตราภายในประเทศ นักค้าเงินธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ที่ 32.90-32.92 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรอการประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% รวมทั้งมีกระแสข่าวเรื่องการลดดอกเบี้ย โดยขณะนี้พบว่าผู้ส่งออกมีการเทขายดอลลาร์ออกมา เพราะเกรงว่าเงินบาทจะแข็งค่ามากขึ้น หลังจากประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% แต่เชื่อว่า ธปท.คงเข้าแทรกแซง และเงินบาทจะไม่แข็งค่าถึง 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
