ธปท.เตรียมข้อมูลแจงขุนคลัง 14.00 น.พรุ่งนี้ ปัดให้ความเห็นมาตรการดอกเบี้ย-ภาษี เพื่อใช้แทนมาตรการกันสำรอง 30% หากถูก รมว.คลัง ทุบโต๊ะสั่งยกเลิก โฆษกคลัง อัดยับแบงก์ชาติ งัดยาแรงมาใช้ผิดพลาด เพราะบังเอิญตกใจ
วันนี้ (11 ก.พ.) นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการเตรียมจัดทำข้อมูลเพื่อนำไปชี้แจงต่อนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในเวลา 14.00 น.วันพรุ่งนี้ โดยจะมีการประเมินสถานการณ์ล่าสุดเพื่อรายงาน รวมถึงเสนอมาตรการต่างๆ ที่แบงก์ชาติได้ประกาศใช้ไปแล้ว
ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังอาจเสนอให้ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% แต่ให้ใช้มาตรการดอกเบี้ยและมาตรการทางภาษีแทนนั้น นางอัจนา ระบุว่า ยังไม่ขอออกความคิดเห็น ขอให้มีการหารือร่วมกันก่อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ธปท.ได้ประเมินความเหมาะสมในการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2550 โดยจากการประเมินพบว่า ยังไม่ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการยกเลิกมาตรการทั้งหมดในทันที แต่สามารถผ่อนคลายได้ เนื่องจากปัญหาวิกฤตสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือ ซับไพรม์ ของสหรัฐฯ อาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ กระทรวงการคลัง และแบงก์ชาติ จะมีการหารือกัน เพื่อพิจารณายกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ทั้งนี้ เห็นว่า มีแนวโน้มเหมาะสมที่น่าจะเลิก เนื่องจากการออกมาตรการในขณะนั้น เป็นการคาดการณ์ที่ผิดพลาด เพราะไม่ได้เกิดจากการเก็งกำไรตราสารหนี้ แต่เป็นเพราะดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้น ไม่สามารถบริหารจัดการได้
ทั้งนี้ หากยกเลิกกันสำรอง 30% ก็จะต้องมีการลดดอกเบี้ย รวมทั้งมาตรการอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย เพราะต้องช่วยเหลือผู้ส่งออกและผู้ออมรายย่อยที่อาจได้รับผลกระทบจากการลดดอกเบี้ย
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า หากไม่ลดอัตราดอกเบี้ย เงินก็จะไหลเข้าประเทศมากขึ้น ค่าเงินบาทก็จะแข็งค่ากว่าประเทศคู่ค้า ดังนั้น จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดี
