นักวิเคราะห์ฯ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท คาดการณ์ว่า ข่าวด้านลบที่กระหน่ำเข้ามาในระบบการเงินของสหรัฐเป็นระลอก ซึ่งรวมถึงข่าวที่ว่าบริษัทประกันหุ้นกู้รายใหญ่ อาจถูกปรับลดอันดับเครดิตอีกระลอก อาจทำให้สถานการณ์ตลาดการเงินของสหรัฐ ผันผวนมากขึ้น
วันนี้(1 ก.พ.) นายดาวิน กิบบินส์ นักวิเคราะห์จากบริษัทอาริส คอร์ป กล่าวถึงความผันผวนในตลาดการเงินของสหรัฐ โดยระบุว่า ประเด็นที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ ก็คือ ประชาชนไม่รู้ว่าปัญหาที่กำลังที่เกิดขึ้นในเวลานี้ และลุกลามไปไกลเท่าใดแล้ว เพราะประชาชนไม่รู้ขนาดของความเสียหาย และตลาดส่วนใหญ่ก็ผันผวนอันเนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนเหล่านี้
ขณะที่นายโดนัลด์ ไลท์ นักวิเคราะห์จากเซเลนท์ กล่าวว่า ประชาชนกังวลจนแทบไม่อยากตัดสินใจลงทุนใดๆ แล้ว
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของบริษัทประกันหุ้นกู้เกิดขึ้นหลังจากนายชาร์ลส์ แกสปาริโน ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี แสดงความเห็นว่า บริษัทประกันหุ้นกู้รายใหญ่ที่สุด 2 แห่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงบริษัทเอ็มบีไอเอ อิงค์ อาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง ซึ่งอาจทำให้ภาคการเงินขาดทุนหนักยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เอ็มบีไอเอ อิงค์ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 18.61 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่า ตัวเลขขาดทุนของเอ็มบีไอเอจะอยู่ที่ 2.97 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นก็ตาม
นายชาร์ลส์ ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวว่า วิกฤตการณ์ที่รุนแรงสุดที่สหรัฐกำลังเผชิญในเวลานี้ คือ การที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นเรื่องการประเมินอันดับเครดิต ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในแวดวงบริษัทปล่อยกู้จำนองเพื่อการซื้อบ้านเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงอุตสาหกรรมการประกันหุ้นกู้ด้วย"
บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือหลายแห่งได้ขู่ที่จะลดอันดับเครดิตบริษัทประกันหุ้นกู้ โดยให้เหตุผลว่า บริษัทกลุ่มนี้มีกระแสเงินสดไม่เพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงหลายๆด้าน โดยเฉพาะความเสี่ยงที่จะต้องตั้งสำรองหนี้สูญ
โดยเมื่อวานนี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศเครดิตพินิจบริษัทเอ็มบีไอเอ และประกาศลดเครดิตบริษัทไฟแนนเชียล การันตี อินชัวรันซ์ ขณะที่ฟิชท์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตบริษัทแอมแบค ไฟแนนเชียล และบริษัทซิเคียวริตีส์ แคปิตอล แอสชัวรันซ์
วันนี้(1 ก.พ.) นายดาวิน กิบบินส์ นักวิเคราะห์จากบริษัทอาริส คอร์ป กล่าวถึงความผันผวนในตลาดการเงินของสหรัฐ โดยระบุว่า ประเด็นที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ ก็คือ ประชาชนไม่รู้ว่าปัญหาที่กำลังที่เกิดขึ้นในเวลานี้ และลุกลามไปไกลเท่าใดแล้ว เพราะประชาชนไม่รู้ขนาดของความเสียหาย และตลาดส่วนใหญ่ก็ผันผวนอันเนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนเหล่านี้
ขณะที่นายโดนัลด์ ไลท์ นักวิเคราะห์จากเซเลนท์ กล่าวว่า ประชาชนกังวลจนแทบไม่อยากตัดสินใจลงทุนใดๆ แล้ว
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของบริษัทประกันหุ้นกู้เกิดขึ้นหลังจากนายชาร์ลส์ แกสปาริโน ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี แสดงความเห็นว่า บริษัทประกันหุ้นกู้รายใหญ่ที่สุด 2 แห่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงบริษัทเอ็มบีไอเอ อิงค์ อาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง ซึ่งอาจทำให้ภาคการเงินขาดทุนหนักยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เอ็มบีไอเอ อิงค์ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 18.61 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่า ตัวเลขขาดทุนของเอ็มบีไอเอจะอยู่ที่ 2.97 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นก็ตาม
นายชาร์ลส์ ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวว่า วิกฤตการณ์ที่รุนแรงสุดที่สหรัฐกำลังเผชิญในเวลานี้ คือ การที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นเรื่องการประเมินอันดับเครดิต ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในแวดวงบริษัทปล่อยกู้จำนองเพื่อการซื้อบ้านเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงอุตสาหกรรมการประกันหุ้นกู้ด้วย"
บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือหลายแห่งได้ขู่ที่จะลดอันดับเครดิตบริษัทประกันหุ้นกู้ โดยให้เหตุผลว่า บริษัทกลุ่มนี้มีกระแสเงินสดไม่เพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงหลายๆด้าน โดยเฉพาะความเสี่ยงที่จะต้องตั้งสำรองหนี้สูญ
โดยเมื่อวานนี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศเครดิตพินิจบริษัทเอ็มบีไอเอ และประกาศลดเครดิตบริษัทไฟแนนเชียล การันตี อินชัวรันซ์ ขณะที่ฟิชท์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตบริษัทแอมแบค ไฟแนนเชียล และบริษัทซิเคียวริตีส์ แคปิตอล แอสชัวรันซ์