รอยเตอร์/เอเอฟพี – นักลงทุนในตลาดการเงินนานาประเทศอยู่ในอาการผวา ที่เศรษฐกิจทำท่าชะลอตัวลงอีก และต่างต้องการหลีกหนีความเสี่ยงเมื่อวานนี้(5) ทำให้ราคาหุ้นทั่วโลกดำดิ่ง โดยที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แถบเอเชียต่างทรุดฮวบตามหลังวอลล์สตรีท เช่นเดียวกับพวกหุ้นแถบยุโรป
กระแสการหลบหนีความเสี่ยงของตลาดการเงินทั่วโลก ปรากฏให้เห็นตั้งแต่ที่วอลล์สตรีทวันพฤหัสบดี(4) เมื่อดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดโดยหล่นลงมาถึง 344.65 จุด หรือ 2.99% สู่ระดับ 11,188.23 ขณะที่ดัชนีสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ 500 ถอยลงมา 38.15 จุด หรือ 2.99% อยู่ที่ 1,236.83 และดัชนีคอมโพสิตของแนสแดคเซถลา 74.69 จุด หรือ 3.20% อยู่ที่ 2,259.04 เมื่อดูจากจำนวนเปอร์เซ็นต์การลดลง ก็ถือเป็นวันที่ทั้ง 3 ดัชนีสำคัญของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯตกลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน
วอลล์สตรีทอยู่ในอาการย่ำแย่ตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของการซื้อขายในวันนั้น เมื่อตัวเลขประจำสัปดาห์ของรัฐบาลอเมริกัน แสดงให้เห็นว่าผู้ยื่นขอรับผลประโยชน์จากการว่างงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นเกินคาดหมาย ขณะเดียวกัน รายงานที่รวบรวมโดย เอดีพี เอมพลอยเยอร์ เซอร์วิเซส ก็ชี้ว่า ตำแหน่งงานของลูกจ้างในภาคเอกชนได้ลดจำนวนลง 33,000 ตำแหน่งในรอบเดือนสิงหาคม
ตัวเลขเหล่านี้เป็นการเติมเชื้อให้นักลงทุนรู้สึกว้าวุ่นไม่สบายใจ ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะเผยแพร่รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนสิงหาคมในวันศุกร์(5) อันถือเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ผู้คนเฝ้าจับตากันมาก
“ตลาดการจ้างงานกำลังมีแต่ข่าวร้ายค่อยๆ ไหลหยดออกมาทีละหยดๆ” เป็นความเห็นของ จอห์น ออกุสติน หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนแห่ง ฟิฟธ์ เธิร์ด แอสเสต แมเนจเมนต์ ในเมืองซินซินแนติ “มันก็ยังดีกว่าข่าวร้ายไหลทะลักออกมาเหมือนก๊อกรั่ว แต่ถึงยังไงมันก็เป็นข่าวร้ายสำหรับเศรษฐกิจอยู่ดี เวลานี้ตลาดหุ้นกำลังอยู่ในอาการดิ้นรน เพราะกำลังหวังจะได้ฟังข่าวดีกว่านี้จากตลาดการจ้างงาน”
ไม่เพียงในสหรัฐฯ ภายหลังการประชุมของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ในวันพฤหัสบดี ซึ่งมีมติให้ยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ประธานอีซีบี ฌอง-โคลด ตริเชต์ ได้แถลงว่า ข้อมูลของเขตยูโรโซนก็ชี้ว่า อัตราเติบโตของเหล่าประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร อยู่ในระดับลดต่ำลงในช่วงกลางปีนี้
หุ้นในภาคการเงินของวอลล์สตรีท ก็พากันตกวูบ ภายหลัง บิลล์ กรอส ผู้จัดการของ พิมโค กองทุนด้านตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก กล่าวกับโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ทั้งตัวเขาเอง บรรดาลูกค้าตลอดจนพวกที่ติดต่ออยู่กับพิมโคในทั่วโลก เวลานี้ต่างอยู่พากันอยู่เฉยๆ รอคอยให้มีผู้ซื้อรายใหญ่เข้ามาในตลาดสินทรัพย์
เขายังกล่าวถึง “คลื่นยักษ์สึนามิทางการเงิน” ที่กำลังเกิดขึ้นมา และบอกว่าในการหยุดยั้งสึนามิเช่นนี้ รัฐบาลสหรัฐฯควรให้อำนาจกระทรวงการคลัง ในการซื้อหนี้สินและสินทรัพย์อื่นๆ
ในเวลาต่อมา เมื่อถึงช่วงการซื้อขายของแถบเอเชีย ดัชนีสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ในแถบนี้ต่างพากันร่วงเป็นแถวตามวอลล์สตรีท โดยโตเกียวติดลบ 345.43 จุด หรือ 2.75% อยู่ที่ 12,212.23 ส่วนฮ่องกงลบ 456.2 จุด หรือ 2.2% อยู่ที่ 19,933.28 ทางด้านสิงคโปร์ตกลงมา 1.97%, เซี่ยงไฮ้ 3.29%, และมุมไบ 2.79%
คาสึฮิโร คอนโด ดีลเลอร์แห่งบริษัทหลักทรัพย์โตไค โตเกียว ซีเคียวริตีส์ ให้ความเห็นว่า เวลานี้พวกกองทุนเพื่อการลงทุนกำลังอยู่ในช่วงเทขายทำกำไร ภายหลังได้เข้าซื้อหุ้นเอเชียที่มีผลประกอบการดีเอาไว้ระยะหนึ่งแล้ว และการเทขายทำกำไรเช่นนี้น่าจะดำเนินต่อไปอีกพักหนึ่ง ซึ่งหมายถึงว่าหุ้นเอเชียจะต้องเผชิญภาวะลำบาก เว้นแต่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีสัญญาณอันชัดเจนว่ากลับฟื้นตัวขึ้นมาได้
สำหรับหุ้นในแถบยุโรปก็อยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นกัน โดยตอนประมาณใกล้เที่ยงวานนี้ ดัชนีสำคัญของตลาดลอนดอนติดลบไป 1.33% ส่วนแฟรงเฟิร์ตติดลบ 1.61% และปารีสติดลบ 1.24%
กระแสการหลบหนีความเสี่ยงของตลาดการเงินทั่วโลก ปรากฏให้เห็นตั้งแต่ที่วอลล์สตรีทวันพฤหัสบดี(4) เมื่อดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดโดยหล่นลงมาถึง 344.65 จุด หรือ 2.99% สู่ระดับ 11,188.23 ขณะที่ดัชนีสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ 500 ถอยลงมา 38.15 จุด หรือ 2.99% อยู่ที่ 1,236.83 และดัชนีคอมโพสิตของแนสแดคเซถลา 74.69 จุด หรือ 3.20% อยู่ที่ 2,259.04 เมื่อดูจากจำนวนเปอร์เซ็นต์การลดลง ก็ถือเป็นวันที่ทั้ง 3 ดัชนีสำคัญของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯตกลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน
วอลล์สตรีทอยู่ในอาการย่ำแย่ตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของการซื้อขายในวันนั้น เมื่อตัวเลขประจำสัปดาห์ของรัฐบาลอเมริกัน แสดงให้เห็นว่าผู้ยื่นขอรับผลประโยชน์จากการว่างงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นเกินคาดหมาย ขณะเดียวกัน รายงานที่รวบรวมโดย เอดีพี เอมพลอยเยอร์ เซอร์วิเซส ก็ชี้ว่า ตำแหน่งงานของลูกจ้างในภาคเอกชนได้ลดจำนวนลง 33,000 ตำแหน่งในรอบเดือนสิงหาคม
ตัวเลขเหล่านี้เป็นการเติมเชื้อให้นักลงทุนรู้สึกว้าวุ่นไม่สบายใจ ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะเผยแพร่รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนสิงหาคมในวันศุกร์(5) อันถือเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ผู้คนเฝ้าจับตากันมาก
“ตลาดการจ้างงานกำลังมีแต่ข่าวร้ายค่อยๆ ไหลหยดออกมาทีละหยดๆ” เป็นความเห็นของ จอห์น ออกุสติน หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนแห่ง ฟิฟธ์ เธิร์ด แอสเสต แมเนจเมนต์ ในเมืองซินซินแนติ “มันก็ยังดีกว่าข่าวร้ายไหลทะลักออกมาเหมือนก๊อกรั่ว แต่ถึงยังไงมันก็เป็นข่าวร้ายสำหรับเศรษฐกิจอยู่ดี เวลานี้ตลาดหุ้นกำลังอยู่ในอาการดิ้นรน เพราะกำลังหวังจะได้ฟังข่าวดีกว่านี้จากตลาดการจ้างงาน”
ไม่เพียงในสหรัฐฯ ภายหลังการประชุมของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ในวันพฤหัสบดี ซึ่งมีมติให้ยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ประธานอีซีบี ฌอง-โคลด ตริเชต์ ได้แถลงว่า ข้อมูลของเขตยูโรโซนก็ชี้ว่า อัตราเติบโตของเหล่าประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร อยู่ในระดับลดต่ำลงในช่วงกลางปีนี้
หุ้นในภาคการเงินของวอลล์สตรีท ก็พากันตกวูบ ภายหลัง บิลล์ กรอส ผู้จัดการของ พิมโค กองทุนด้านตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก กล่าวกับโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ทั้งตัวเขาเอง บรรดาลูกค้าตลอดจนพวกที่ติดต่ออยู่กับพิมโคในทั่วโลก เวลานี้ต่างอยู่พากันอยู่เฉยๆ รอคอยให้มีผู้ซื้อรายใหญ่เข้ามาในตลาดสินทรัพย์
เขายังกล่าวถึง “คลื่นยักษ์สึนามิทางการเงิน” ที่กำลังเกิดขึ้นมา และบอกว่าในการหยุดยั้งสึนามิเช่นนี้ รัฐบาลสหรัฐฯควรให้อำนาจกระทรวงการคลัง ในการซื้อหนี้สินและสินทรัพย์อื่นๆ
ในเวลาต่อมา เมื่อถึงช่วงการซื้อขายของแถบเอเชีย ดัชนีสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ในแถบนี้ต่างพากันร่วงเป็นแถวตามวอลล์สตรีท โดยโตเกียวติดลบ 345.43 จุด หรือ 2.75% อยู่ที่ 12,212.23 ส่วนฮ่องกงลบ 456.2 จุด หรือ 2.2% อยู่ที่ 19,933.28 ทางด้านสิงคโปร์ตกลงมา 1.97%, เซี่ยงไฮ้ 3.29%, และมุมไบ 2.79%
คาสึฮิโร คอนโด ดีลเลอร์แห่งบริษัทหลักทรัพย์โตไค โตเกียว ซีเคียวริตีส์ ให้ความเห็นว่า เวลานี้พวกกองทุนเพื่อการลงทุนกำลังอยู่ในช่วงเทขายทำกำไร ภายหลังได้เข้าซื้อหุ้นเอเชียที่มีผลประกอบการดีเอาไว้ระยะหนึ่งแล้ว และการเทขายทำกำไรเช่นนี้น่าจะดำเนินต่อไปอีกพักหนึ่ง ซึ่งหมายถึงว่าหุ้นเอเชียจะต้องเผชิญภาวะลำบาก เว้นแต่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีสัญญาณอันชัดเจนว่ากลับฟื้นตัวขึ้นมาได้
สำหรับหุ้นในแถบยุโรปก็อยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นกัน โดยตอนประมาณใกล้เที่ยงวานนี้ ดัชนีสำคัญของตลาดลอนดอนติดลบไป 1.33% ส่วนแฟรงเฟิร์ตติดลบ 1.61% และปารีสติดลบ 1.24%