“ปกรณ์” คาด ปัญหาวิกฤตซับไพรม์ ยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง และความผันผวนจะยาวไปถึงกลางปี 52 ระบุ เฟดหั่นดอกเบี้ยแรง 2-3 ระลอก สะท้อนความรุนแรงของปัญหา คาดส่งออกรับผลกระทบหนัก 2 เด้ง ขณะที่ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงสูง จากเงินทุนจำนวนมากเคลื่อนย้ายเร็ว นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ “ดร.กอบศักดิ์” ยอมรับ ศก.ไทยปีนี้ ท้าทายสูง พร้อมระบุ ทีม ศก.ที่เจ๋งจริง เป็นตัวบ่งชี้ว่าจะประเทศจะอยู่หรือไป
วันนี้ (24 ม.ค.) นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐฯจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยใน 2 ด้าน ได้แก่ ด้านการส่งออก เนื่องจากตลาดสหรัฐฯเป็นตลาดสำคัญของไทย และด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุน ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนต่อเนื่องในปีนี้ และอาจไปถึงกลางปี 2552 นักลงทุนจึงควรระมัดระวังในการเข้าลงทุน
“ปัญหาซับไพรม์ น่าจะมีความรุนแรงและต่อเนื่อง ดูจากเฟดที่มีการประชุมด่วน และลดอัตราดอกเบี้ยในคราวเดียว 0.75% ถือว่ามากที่สุดในรอบ 23 ปี ซึ่งสะท้อนความรุนแรงของปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะลดดอกเบี้ยปัญหาก็ยังอยู่”
แม้ว่าที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันได้ปรับตัวลง 13% แล้ว และนักลงทุนต่างชาติ ขายออกไปแล้วประมาณ 3 หมื่นล้านบาท แต่ นายปกรณ์ เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเดียวกัน
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้บริหารสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้เป็นปีแห่งความผันผวน และมีความท้าทายมาก สืบเนื่องจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจโลก ทั้งจากปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว และปัญหาความอ่อนแอของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ทั้งหมดนี้จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งแม้ว่าโดยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยจะแข็งแกร่ง ทั้งเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล
ขณะที่การบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะเป็นภูมิคุ้มกันได้ อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยมีทีมเศรษฐกิจที่ดีจะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจได้และนำพาเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นวิกฤต
“พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดีอยู่ถือว่าเป็นจุดแข็ง ซึ่งทำให้ไทยผ่านพ้นวิกฤตไปได้ แต่หากมีทีมเศรษฐกิจที่ดีจะยิ่งนำพาเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ โดยเฉพาะการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐและเอกชนให้ดเกิดขึ้นโดยเร็ว”