“บอร์ด ตลท.” ปรับเกณฑ์รับหลักทรัพย์ใกล้เคียงตลาดหุ้นต่างประเทศ ลดช่วงติดไซเรนต์พีเรียดเหลือ 1 ปี - กระจายหุ้น 20% ของทุนชำระแล้ว และบริษัทเข้าเอ็มเอไอ ต้องมีมาร์เกตแคป 1 พันล้านบาท เพื่อเอื้อความสะดวกการเข้าจดทะเบียนลดอุปสรรค เข้าใจง่าย
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์อนุมัติปรับเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ ตามผลการศึกษาของคณะทำงานศึกษาแนวทางปรับปรุงกฎเกณฑ์บริษัทจดทะเบียน 3 เรื่อง ประกอบด้วย การห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ภายในกำหนด (ไซเรนต์พีเรียด) ของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมการบริหาร โดยลดระยะเวลาห้ามซื้อขายเหลือ 1 ปี จากเดิม 1ปี 6 เดือน และปรับลดสัดส่วนการห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ถือหุ้นดังกล่าวลงเหลือ 55% จาก 65%
การปรับลดสัดส่วนการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลต) สำหรับบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนแล้วเกินกว่า 3,000 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิม 25% ของทุนชำระแล้วเป็น 20% ของทุนชำระแล้ว ขณะที่ฐานะการเงินและการดำเนินงาน ซึ่งจะปรับปรุงหลักเกณฑ์มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) จากเดิม 1,500 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท และยังปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณากำไรสุทธิให้พิจารณากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ รวมถึงอนุมัติให้ตลาดหลักทรัพย์ สามารถใช้ดุลพินิจในการผ่อนผันเกณฑ์บางกรณี หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อตลาดทุนของประเทศไทย โดยหลักเกณฑ์ที่อาจผ่อนผันได้ เช่น ขนาดของบริษัท ทุนจดทะเบียน ฐานะการดำเนินงาน และการกระจายการถือหุ้นรายย่อย เป็นต้น ซึ่งการดำเนินงานจะมีกระบวนการพิจารณาที่โปร่งใส โดยจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการที่มีความเป็นอิสระจำนวน 5 ท่าน
อย่างไรก็ตาม ก็จะมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย ตัวแทนจากสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้พิจารณา และนำเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งให้เปิดเผยข้อมูลการผ่อนผันต่อสาธารณชน ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ จะเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
นายสุทธิชัย กล่าวว่า การปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวเพื่อให้หลักเกณฑ์รับหลักทรัพย์มีความยืดหยุ่น ลดอุปสรรคของผู้ปฏิบัติ เข้าใจง่าย ความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเทียบเคียงได้กับตลาดหุ้นต่างประเทศ และการดำเนินการดังกล่าวนั้นได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ รวมถึงคณะอนุกรรมการสรรหาบริษัทจดทะเบียน
“คณะทำงานศึกษาแนวทางปรับปรุงกฏเกณฑ์บริษัทจดทะเบียน ได้นำเสนอผลการศึกษาหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ โดยเทียบเคียงกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งพบว่า หลักเกณฑ์ส่วนใหญ่สามารถเทียบเคียงได้กับตลาดหุ้นต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้หลักเกณฑ์ดังกล่าวเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น และแข่งขันได้กับตลาดหุ้นต่างประเทศ จึงได้มีการเสนอปรับหลักเกณฑ์ด้านการรับหลักทรัพย์ใน 4 ประเด็นหลัก” นายสุทธิชัย กล่าว
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์อนุมัติปรับเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ ตามผลการศึกษาของคณะทำงานศึกษาแนวทางปรับปรุงกฎเกณฑ์บริษัทจดทะเบียน 3 เรื่อง ประกอบด้วย การห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ภายในกำหนด (ไซเรนต์พีเรียด) ของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมการบริหาร โดยลดระยะเวลาห้ามซื้อขายเหลือ 1 ปี จากเดิม 1ปี 6 เดือน และปรับลดสัดส่วนการห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ถือหุ้นดังกล่าวลงเหลือ 55% จาก 65%
การปรับลดสัดส่วนการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลต) สำหรับบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนแล้วเกินกว่า 3,000 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิม 25% ของทุนชำระแล้วเป็น 20% ของทุนชำระแล้ว ขณะที่ฐานะการเงินและการดำเนินงาน ซึ่งจะปรับปรุงหลักเกณฑ์มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) จากเดิม 1,500 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท และยังปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณากำไรสุทธิให้พิจารณากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ รวมถึงอนุมัติให้ตลาดหลักทรัพย์ สามารถใช้ดุลพินิจในการผ่อนผันเกณฑ์บางกรณี หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อตลาดทุนของประเทศไทย โดยหลักเกณฑ์ที่อาจผ่อนผันได้ เช่น ขนาดของบริษัท ทุนจดทะเบียน ฐานะการดำเนินงาน และการกระจายการถือหุ้นรายย่อย เป็นต้น ซึ่งการดำเนินงานจะมีกระบวนการพิจารณาที่โปร่งใส โดยจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการที่มีความเป็นอิสระจำนวน 5 ท่าน
อย่างไรก็ตาม ก็จะมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย ตัวแทนจากสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้พิจารณา และนำเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งให้เปิดเผยข้อมูลการผ่อนผันต่อสาธารณชน ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ จะเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
นายสุทธิชัย กล่าวว่า การปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวเพื่อให้หลักเกณฑ์รับหลักทรัพย์มีความยืดหยุ่น ลดอุปสรรคของผู้ปฏิบัติ เข้าใจง่าย ความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเทียบเคียงได้กับตลาดหุ้นต่างประเทศ และการดำเนินการดังกล่าวนั้นได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ รวมถึงคณะอนุกรรมการสรรหาบริษัทจดทะเบียน
“คณะทำงานศึกษาแนวทางปรับปรุงกฏเกณฑ์บริษัทจดทะเบียน ได้นำเสนอผลการศึกษาหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ โดยเทียบเคียงกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งพบว่า หลักเกณฑ์ส่วนใหญ่สามารถเทียบเคียงได้กับตลาดหุ้นต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้หลักเกณฑ์ดังกล่าวเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น และแข่งขันได้กับตลาดหุ้นต่างประเทศ จึงได้มีการเสนอปรับหลักเกณฑ์ด้านการรับหลักทรัพย์ใน 4 ประเด็นหลัก” นายสุทธิชัย กล่าว
