รับสร้างบ้านตลาดกลาง-บนคึกคัก รับความเชื่อมั่นความต้องการฟื้น ผู้บริโภคเร่งสร้างบ้านหนีต้นทุนก่อสร้างใหม่ หลังราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัว ด้านบริษัทอยุธยาสร้างบ้านฯ ยืนยันราคาเดิมจนสิ้นเดือนก.พ.หวังจับลูกค้าหนีต้นทุนก่อสร้างบ้านปรับราคา คาดดันยอดขายต้นปีเพิ่ม แจงลูกค้าที่ชะลอสร้างบ้านช่วงปลายปี2550เร่งตัดสินใจทำสัญญาสร้างบ้านแล้ว ล่าสุดเช็นสัญญาแล้ว1รายมูลค่าก่อสร้างกว่า 15 ล้านบาท จากทั้งหมด6ราย ตั้งเป้าปี51ยอดขาย120ล้านบาท
นายธีระศักดิ์ บุญวาสนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยาสร้างบ้าน จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านไทยประยุกต์และบาหลี ตลาดกลาง-บน เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปี2550ที่ผ่านมา ลูกค้าชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่หลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ปรากฎว่า ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2551 มีลูกค้าที่จองซื้อบ้านแต่ชะลอการทำสัญญาออกไป กลับเข้ามาติดต่อและเจรจาเตรียมสร้างบ้านเพิ่มขึ้นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการ(ดีมานด์)ในตลาดยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีปัจจัยกระตุ้น ทำให้ลูกค้าเกิดการชะลอตัดสินใจสร้างบ้าน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าจะส่งผลให้ลูกค้ามีการตัดสินใจเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงต้นปี 2551 ที่มี 2 ตัวแปรหลักที่เร่งให้ลูกค้าตัดสินใจสร้างบ้าน คือ การปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง ที่จะมีผลต่อราคาก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 51 โดยทางบริษัทฯยังคงยืนราคาเดิมไว้จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ และตัวแปรเรื่องความความเชื่อมั่นที่เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น แต่ทั้งนี้ คงต้องรอดูนโยบายการลงทุนของรัฐบาลชุดใหม่
" ผลจากราคาวัสดุก่อสร้างที่จะมีผลต่อเนื่องถึงการปรับราคาของบริษัทรับสร้างบ้าน ได้กระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจก่อสร้างบ้านเร็วขึ้น เนื่องจากลูกค้ากังวลเรื่องของต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นจนอาจมีผลต่องบประมาณการสร้างบ้านที่สูงกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา โดยในช่วงต้นปีนี้ ตลาดเริ่มคึกคักมากขึ้น มีการเข้ามาทำสัญญาก่อสร้างบ้านของลูกค้าที่เคยจองซื้อบ้านไว้กับบริษัทฯ "กรรมการผู้จัดการกล่าว
โดยล่าสุดมีลูกค้าที่ตกลงทำสัญญาก่อสร้างบ้านแล้ว1 รายมูลค่าก่อสร้าง15 ล้านบาท จากจำนวนลูกค้าที่อยู่ระหว่างการทำสัญญาทั้งหมด 6 ราย โดยอีก 5 รายที่เหลือ เป็นลูกค้าที่จะก่อสร้างบ้านราคา 10ล้านบาท2ราย อีก3รายเป็นลูกค้าที่จะสร้างบ้านราคา 8ล้านบาท ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายบ้านรวม 89ล้านบาทจากเป้าที่วางไว้ 100ล้านบาท แต่จาการชะลอตัดสินใจของลูกค้าส่งผลให้มีการเลื่อนทำสัญญาก่อสร้างออกไป
ส่วนในปี 2551 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายประมาณ 120 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทำยอดขายดังกล่าวได้ตามเป้า เนื่องจากตลาดรับสร้างบ้านมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาเติบโตสูงกว่าในปีที่ผ่านมา เพราะปัจจัยต่างๆเริ่มคลี่คลายมากแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่น ส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าบริษัทมาก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับสภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก
“ลูกค้ากลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ แต่ต้องดูภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นเป็นปัจจัยในการตัดสินใจสร้างบ้าน ส่วนในด้านของกำลังซื้อนั้น ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีกำลังซื้อที่สูงส่วนมากจะไม่ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน เพราะมีเงินฝากจำนวนมาก ดังนั้น การสร้างบ้านแต่ละครั้งจึงไม่กังวลเรื่องของราคา แต่จะกังวลเรื่องของสถานการณ์ธุรกิจมากกว่า”
นายธีระศักดิ์ บุญวาสนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยาสร้างบ้าน จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านไทยประยุกต์และบาหลี ตลาดกลาง-บน เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปี2550ที่ผ่านมา ลูกค้าชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่หลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ปรากฎว่า ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2551 มีลูกค้าที่จองซื้อบ้านแต่ชะลอการทำสัญญาออกไป กลับเข้ามาติดต่อและเจรจาเตรียมสร้างบ้านเพิ่มขึ้นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการ(ดีมานด์)ในตลาดยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีปัจจัยกระตุ้น ทำให้ลูกค้าเกิดการชะลอตัดสินใจสร้างบ้าน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าจะส่งผลให้ลูกค้ามีการตัดสินใจเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงต้นปี 2551 ที่มี 2 ตัวแปรหลักที่เร่งให้ลูกค้าตัดสินใจสร้างบ้าน คือ การปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง ที่จะมีผลต่อราคาก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 51 โดยทางบริษัทฯยังคงยืนราคาเดิมไว้จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ และตัวแปรเรื่องความความเชื่อมั่นที่เริ่มฟื้นตัวมากขึ้น แต่ทั้งนี้ คงต้องรอดูนโยบายการลงทุนของรัฐบาลชุดใหม่
" ผลจากราคาวัสดุก่อสร้างที่จะมีผลต่อเนื่องถึงการปรับราคาของบริษัทรับสร้างบ้าน ได้กระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจก่อสร้างบ้านเร็วขึ้น เนื่องจากลูกค้ากังวลเรื่องของต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นจนอาจมีผลต่องบประมาณการสร้างบ้านที่สูงกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา โดยในช่วงต้นปีนี้ ตลาดเริ่มคึกคักมากขึ้น มีการเข้ามาทำสัญญาก่อสร้างบ้านของลูกค้าที่เคยจองซื้อบ้านไว้กับบริษัทฯ "กรรมการผู้จัดการกล่าว
โดยล่าสุดมีลูกค้าที่ตกลงทำสัญญาก่อสร้างบ้านแล้ว1 รายมูลค่าก่อสร้าง15 ล้านบาท จากจำนวนลูกค้าที่อยู่ระหว่างการทำสัญญาทั้งหมด 6 ราย โดยอีก 5 รายที่เหลือ เป็นลูกค้าที่จะก่อสร้างบ้านราคา 10ล้านบาท2ราย อีก3รายเป็นลูกค้าที่จะสร้างบ้านราคา 8ล้านบาท ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายบ้านรวม 89ล้านบาทจากเป้าที่วางไว้ 100ล้านบาท แต่จาการชะลอตัดสินใจของลูกค้าส่งผลให้มีการเลื่อนทำสัญญาก่อสร้างออกไป
ส่วนในปี 2551 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายประมาณ 120 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทำยอดขายดังกล่าวได้ตามเป้า เนื่องจากตลาดรับสร้างบ้านมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาเติบโตสูงกว่าในปีที่ผ่านมา เพราะปัจจัยต่างๆเริ่มคลี่คลายมากแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่น ส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าบริษัทมาก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับสภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก
“ลูกค้ากลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ แต่ต้องดูภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นเป็นปัจจัยในการตัดสินใจสร้างบ้าน ส่วนในด้านของกำลังซื้อนั้น ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีกำลังซื้อที่สูงส่วนมากจะไม่ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน เพราะมีเงินฝากจำนวนมาก ดังนั้น การสร้างบ้านแต่ละครั้งจึงไม่กังวลเรื่องของราคา แต่จะกังวลเรื่องของสถานการณ์ธุรกิจมากกว่า”