ผู้จัดการรายวัน -สมาคมรับสร้างบ้านระบุ แนวโน้มบ้านปลูกสร้างเองในปีนี้ อาจจะชะลอตัวลง แต่จะหันมาเพิ่มใช้บริการกับบริษัทรับสร้างบ้านแทนผู้รับเหมารายย่อย ชี้มูลค่าตลาดรับสร้างเพิ่ม-ลดไม่มาก เหตุเป็นกำลังซื้อจริง แจงแผนบริหารต้นทุนก่อสร้างน จ่ายเงินสดจองซื้อวัตถุดิบกับศูนย์กระจายสินค้าของสมาคมฯ หวังล็อคราคาวัสดุจากเอเย่นต์
ตามที่บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้ระบุถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 คาดว่า กำลังซื้อต่อที่อยู่อาศัยอาจยังคงไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างรวดเร็วนัก ขณะที่ตัวเลขของบ้านปลูกสร้างเองที่สร้างเสร็จ เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในปี 2549 มีจำนวน 26,933 หน่วย ประมาณการปี 2550-2551 จะอยู่ที่ 23,900 หน่วย และ 22,500 หน่วย โดยมีอัตราการขยายตัว 6.7% , -11.3% และ -5.9% ตามลำดับ
ส่วนแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในปีช่วงปี 2551 จะมีการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้นของผู้ประกอบการในการรักษาส่วนแบ่งตลาด รวมถึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาด โดยเฉพาะราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า โดยภาพรวมแล้วบ้านปลูกสร้างเองจะมีการปรับตัวลดลง ยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัวลดลง ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ผู้ที่ต้องการปลูกบ้านสร้างเองหันมาจ้างบริษัทรับสร้างแทน เพราะมีมาตรฐานและระบบการจัดการที่ดี และจะเห็นได้ว่า เริ่มมีผู้รับเหมาสร้างบ้านให้ลูกค้า หันมาทำธุรกิจรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้น และบางส่วนอยู่ในสมาคมรับสร้างบ้าน
"โครงสร้างของตลาดบ้านสร้างเองจะมีผู้ประกอบการอยู่ 2 กลุ่ม คือ ผู้รับเหมารายย่อยและบริษัทรับสร้างบ้าน และในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ปกติ หรือชะลอตัวลง พฤติกรรมของผู้ต้องการบ้าน ก็จะหันมาจ้างบริษัทรับสร้างบ้านแทน ซึ่งเป็นภาพที่เห็นมาตลอด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านนั้น ในปี 2550 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดประมาณ 8,500 ล้านบาท จากมูลค่าบ้านปลูกสร้างเองประมาณ 30,000 ล้านบาท และคิดว่าตัวเลขของมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านคงบวกและลบไม่มาก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการซื้อจริงต่างกับธุรกิจประเภท ที่อาจจะมีการเก็งกำไร "นายศักดากล่าวและย้ำว่า
ปัญหาของผู้ที่ปลูกสร้างบ้านเองกับผู้รับเหมารายย่อย ที่อาจจะถูกทิ้งงานนั้น ตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมฯ มีผู้ร้องเรียนเข้ามาจำนวนไม่ถึง 100 ราย ซึ่งทางสมาคมฯได้ให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่เดือนร้อน ในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้าน ทางสมาคมฯได้นำสัญญามาตรฐานมาใช้ในการรับงานกับลูกค้า ขณะที่บริษัทที่เป็นสมาชิกในสมาคมฯได้พยายามยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น
นายศักดากล่าวถึงแนวโน้มที่ราคาวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นว่า มีวัตถุดิบหลายประเภททยอยขึ้นราคามาแล้ว เช่น เหล็กเส้นปรับขึ้นมา 20% และเมื่อต้นปีนี้ วัสดุคอนกรีต เสาเข็ม แผ่นพื้นสำเร็จรูป ได้ปรับราคาขึ้นมา 7-8% เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้ แต่คงไม่มีกำไร เพราะเป็นการปรับราคาขึ้นที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่ม อย่างไรก็ดี ในส่วนของบริษัทฯ จะมีการปรึกษาหารือกับผู้ผลิต(ซัปพลายเออร์) หากแนวโน้มราคาจะสูงขึ้นในช่วงอีก 2 เดือนข้างหน้า จะใช้บริการศูนย์กระจายสินค้าที่ทางสมาคมฯจัดตั้งขึ้น โดยใช้เงินสดจองวัตถุดิบในการก่อสร้างบ้าน เพื่อให้สามารถซื้อได้ในราคาเดิม แทนที่จะต้องซื้อวัตถุดิบในราคาที่สูงเกินไป
ตามที่บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้ระบุถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 คาดว่า กำลังซื้อต่อที่อยู่อาศัยอาจยังคงไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างรวดเร็วนัก ขณะที่ตัวเลขของบ้านปลูกสร้างเองที่สร้างเสร็จ เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในปี 2549 มีจำนวน 26,933 หน่วย ประมาณการปี 2550-2551 จะอยู่ที่ 23,900 หน่วย และ 22,500 หน่วย โดยมีอัตราการขยายตัว 6.7% , -11.3% และ -5.9% ตามลำดับ
ส่วนแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในปีช่วงปี 2551 จะมีการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้นของผู้ประกอบการในการรักษาส่วนแบ่งตลาด รวมถึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาด โดยเฉพาะราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า โดยภาพรวมแล้วบ้านปลูกสร้างเองจะมีการปรับตัวลดลง ยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัวลดลง ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ผู้ที่ต้องการปลูกบ้านสร้างเองหันมาจ้างบริษัทรับสร้างแทน เพราะมีมาตรฐานและระบบการจัดการที่ดี และจะเห็นได้ว่า เริ่มมีผู้รับเหมาสร้างบ้านให้ลูกค้า หันมาทำธุรกิจรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้น และบางส่วนอยู่ในสมาคมรับสร้างบ้าน
"โครงสร้างของตลาดบ้านสร้างเองจะมีผู้ประกอบการอยู่ 2 กลุ่ม คือ ผู้รับเหมารายย่อยและบริษัทรับสร้างบ้าน และในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ปกติ หรือชะลอตัวลง พฤติกรรมของผู้ต้องการบ้าน ก็จะหันมาจ้างบริษัทรับสร้างบ้านแทน ซึ่งเป็นภาพที่เห็นมาตลอด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านนั้น ในปี 2550 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดประมาณ 8,500 ล้านบาท จากมูลค่าบ้านปลูกสร้างเองประมาณ 30,000 ล้านบาท และคิดว่าตัวเลขของมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านคงบวกและลบไม่มาก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการซื้อจริงต่างกับธุรกิจประเภท ที่อาจจะมีการเก็งกำไร "นายศักดากล่าวและย้ำว่า
ปัญหาของผู้ที่ปลูกสร้างบ้านเองกับผู้รับเหมารายย่อย ที่อาจจะถูกทิ้งงานนั้น ตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมฯ มีผู้ร้องเรียนเข้ามาจำนวนไม่ถึง 100 ราย ซึ่งทางสมาคมฯได้ให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่เดือนร้อน ในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้าน ทางสมาคมฯได้นำสัญญามาตรฐานมาใช้ในการรับงานกับลูกค้า ขณะที่บริษัทที่เป็นสมาชิกในสมาคมฯได้พยายามยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น
นายศักดากล่าวถึงแนวโน้มที่ราคาวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นว่า มีวัตถุดิบหลายประเภททยอยขึ้นราคามาแล้ว เช่น เหล็กเส้นปรับขึ้นมา 20% และเมื่อต้นปีนี้ วัสดุคอนกรีต เสาเข็ม แผ่นพื้นสำเร็จรูป ได้ปรับราคาขึ้นมา 7-8% เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้ แต่คงไม่มีกำไร เพราะเป็นการปรับราคาขึ้นที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่ม อย่างไรก็ดี ในส่วนของบริษัทฯ จะมีการปรึกษาหารือกับผู้ผลิต(ซัปพลายเออร์) หากแนวโน้มราคาจะสูงขึ้นในช่วงอีก 2 เดือนข้างหน้า จะใช้บริการศูนย์กระจายสินค้าที่ทางสมาคมฯจัดตั้งขึ้น โดยใช้เงินสดจองวัตถุดิบในการก่อสร้างบ้าน เพื่อให้สามารถซื้อได้ในราคาเดิม แทนที่จะต้องซื้อวัตถุดิบในราคาที่สูงเกินไป