NC ขยับสัดส่วนบ้านสั่งสร้างขึ้น 50% รับมือต้นทุนวัสดุขึ้นราคา พร้อมเพิ่มสัดส่วนบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 4 ล้านบาทเป็น 68% เน้นเจาะตลาดระดับกลาง ตั้งเป้ายอดขายปี 51 กว่า 1,900 ล้านบาท พร้อมยอมรับยอดขายปี 50 พลาดเป้าเป็นเหตุขาดทุน 61 ล้านบาท เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่และโครงการต่อเนื่องไตรมาสแรกมูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่าน มาตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง เงินเฟ้อ การขาดความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดชะลอตัว ทำให้ในปี50 บริษัทขาดทุนกว่า 61.6 ล้านบาท เนื่องจากทำยอดขายได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ นอกจากนี้ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นจึงมีผลต่อกำไรของบริษัท
อย่างไรก็ตามในปี 51นี้ สถานการณ์ต่างๆ เริ่มชัดเจนมากขึ้นทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการลงทุน เนื่องจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ มีความเชื่อมั่นมากขึ้น และกล้าตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่ม
“แม้ว่าในปีนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแต่ปัจจัยลบที่เป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเรื่องปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าด้านอุปโภคที่ยังทรงตัวสูง แต่บริษัท ยังมีความมั่นใจว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและกำลังจะส่งผลดีขึ้นในไตรมาส 2 นี้ โดย เอ็น.ซี.ฯมีแผนการดำเนินธุรกิจที่เชี่ยวชาญ โดยจะเน้นกลยุทธ์ด้าน Product เน้นตอบสนองความต้องการลูกค้าบ้านราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท”
ดังนั้น ในปีนี้บริษัทจึงมีแผนจะปรับสัดส่วนการก่อสร้างบ้านใหม่ โดยเพิ่มสัดส่วนบ้านสั่งสร้างเป็น 47-50% จาเดิม 30% ส่วนบ้านตกแต่งพร้อมอยู่จะมีสัดส่วน 30% จากเดิม 40-50% ส่วนที่เหลือเป็นบ้าน และอีก 20% เป็นบ้านสร้างก่อนขาย ซึ่งการปรับสัดส่วนการผลิตดังกล่าว ส่วนหนึ่งเพื่อควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง
นอกจากนี้ ยังเน้นการขายสินค้าบ้านเดี่ยวให้เพิ่มขึ้น 68% บ้านแฝด 15% และทาวเฮาส์ 17% โดยมุ่งขยายฐานสู่ผู้บริโภคที่ต้องการบ้านในระดับราคาที่ต่ำกว่า 4 ล้านบาทมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 65% เนื่องจากเป็นตลาดที่มี Demand สูงและสอดคล้องกับความต้องการกลุ่มผู้ซื้อบ้าน
นายสมเชาว์กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 - 4 โครงการ โดยในช่วงไตรมาสแรกนี้ บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ผสมผสานทั้ง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ จำนวน 390 ยูนิต มูลค่า 760 ล้านบาท และเปิดในโซนต่อเนื่อง คือ บ้านฟ้าปิยรมย์ เลคแอนด์พาร์ค2 จำนวน 66 ยูนิต เป็นสินค้าบ้านเดี่ยวล้วน มูลค่ารวม 250 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโครงการที่อยู่ในระหว่างเปิดดำเนินการขายรวม 10 โครงการ มูลค่ารวม 5,600 ล้านบาท
สำหรับในปี 51 เอ็น.ซี.ฯตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 1,900 ล้านบาท หรือมียอดรับรู้รวม 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทมั่นใจว่าจะมียอดรับรู้รายได้สูงถึง 1,000 ล้านบาทนั้นเนื่องบริษัทมีสต็อกยอดขายที่จะโอนมารับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 800 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 500 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 60 ล้านบาท ที่เหลือเป็นบ้านแฝด ส่วนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายแล้ว 300 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นและกลับมาซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้นหลัง
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่าน มาตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง เงินเฟ้อ การขาดความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดชะลอตัว ทำให้ในปี50 บริษัทขาดทุนกว่า 61.6 ล้านบาท เนื่องจากทำยอดขายได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ นอกจากนี้ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นจึงมีผลต่อกำไรของบริษัท
อย่างไรก็ตามในปี 51นี้ สถานการณ์ต่างๆ เริ่มชัดเจนมากขึ้นทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการลงทุน เนื่องจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ มีความเชื่อมั่นมากขึ้น และกล้าตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่ม
“แม้ว่าในปีนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแต่ปัจจัยลบที่เป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเรื่องปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าด้านอุปโภคที่ยังทรงตัวสูง แต่บริษัท ยังมีความมั่นใจว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและกำลังจะส่งผลดีขึ้นในไตรมาส 2 นี้ โดย เอ็น.ซี.ฯมีแผนการดำเนินธุรกิจที่เชี่ยวชาญ โดยจะเน้นกลยุทธ์ด้าน Product เน้นตอบสนองความต้องการลูกค้าบ้านราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท”
ดังนั้น ในปีนี้บริษัทจึงมีแผนจะปรับสัดส่วนการก่อสร้างบ้านใหม่ โดยเพิ่มสัดส่วนบ้านสั่งสร้างเป็น 47-50% จาเดิม 30% ส่วนบ้านตกแต่งพร้อมอยู่จะมีสัดส่วน 30% จากเดิม 40-50% ส่วนที่เหลือเป็นบ้าน และอีก 20% เป็นบ้านสร้างก่อนขาย ซึ่งการปรับสัดส่วนการผลิตดังกล่าว ส่วนหนึ่งเพื่อควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง
นอกจากนี้ ยังเน้นการขายสินค้าบ้านเดี่ยวให้เพิ่มขึ้น 68% บ้านแฝด 15% และทาวเฮาส์ 17% โดยมุ่งขยายฐานสู่ผู้บริโภคที่ต้องการบ้านในระดับราคาที่ต่ำกว่า 4 ล้านบาทมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 65% เนื่องจากเป็นตลาดที่มี Demand สูงและสอดคล้องกับความต้องการกลุ่มผู้ซื้อบ้าน
นายสมเชาว์กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 - 4 โครงการ โดยในช่วงไตรมาสแรกนี้ บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ผสมผสานทั้ง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ จำนวน 390 ยูนิต มูลค่า 760 ล้านบาท และเปิดในโซนต่อเนื่อง คือ บ้านฟ้าปิยรมย์ เลคแอนด์พาร์ค2 จำนวน 66 ยูนิต เป็นสินค้าบ้านเดี่ยวล้วน มูลค่ารวม 250 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโครงการที่อยู่ในระหว่างเปิดดำเนินการขายรวม 10 โครงการ มูลค่ารวม 5,600 ล้านบาท
สำหรับในปี 51 เอ็น.ซี.ฯตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 1,900 ล้านบาท หรือมียอดรับรู้รวม 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทมั่นใจว่าจะมียอดรับรู้รายได้สูงถึง 1,000 ล้านบาทนั้นเนื่องบริษัทมีสต็อกยอดขายที่จะโอนมารับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 800 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 500 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 60 ล้านบาท ที่เหลือเป็นบ้านแฝด ส่วนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายแล้ว 300 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นและกลับมาซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้นหลัง