เอ็มดีโฟร์พัฒนาฯ เชื่อมั่น ปี 2551 ตลาดรับสร้างบ้านโตขึ้นแน่ หลังทั้งการเมือง และภาพรวมเศรษฐกิจส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น แต่หวั่นผลกระทบราคาวัสดุก่อสร้างที่จะปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต้นทุนและราคาบ้านปรับขึ้นแน่นอน ด้านภาพรวมผลประกอบการปี 2550 ทำได้ 458 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 8.4% เผยเหตุลูกค้าชะลอการตัดสินใจ
นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2550 ที่ผ่านมา ถือว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คือมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 8,500 ล้านบาท จากที่มีการคาดการณ์กันไว้ที่ 8,000 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2551 คาดว่าจากสถานการณ์ทางการเมืองที่คาดว่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี รวมถึงในช่วงปลายปี 2550 ดัชนีทางเศรษฐกิจหลายตัวมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้ในปี 2551 ภาพรวมของเศรษฐกิจ และทิศทางของตลาดรับสร้างบ้านจะมีการขยายตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านเองคาดว่าในปี 2551 จะยังมีกำลังซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของบริษัทฯ พบว่า มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นจำนวนมากที่ต้องการปลูกสร้างบ้านในปี 2551 ซึ่งสอดคล้องกับการทำการวิจัยของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านที่ระบุว่ามีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านภายในปี 2550-2551 กว่า 60%
ถึงกระนั้น ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือเรื่องของราคาวัสดุก่อสร้างที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 ที่ผ่านมาจากการรวบรวมของบริษัทฯ พบว่า มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ซึ่งถือเป็นการขึ้นราคาที่ยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ไม่สามารถขึ้นราคาวัสดุก่อสร้างได้มากนัก ขณะที่ในปี 2551 คาดว่าราคาวัสดุก่อสร้างน่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านต้องปรับราคาขึ้นไปด้วย
"ปีที่ผ่านมาวัสดุก่อสร้างยังขึ้นราคาไม่ได้มากนัก เพราะทั้งภาวะเศรษฐกิจ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัว ซึ่งผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน รวมทั้งบริษัทฯ เองก็ไม่ได้ขยับขึ้นราคาบ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค แต่ในปี 2551 คงต้องมีการประเมินเรื่องของราคาวัสดุก่อสร้าง และน้ำมันกันอีกครั้งหากมีการปรับขึ้น คาดว่าผู้ประกอบการรับสร้างบ้านก็ต้องปรับราคาขึ้นตามต้นทุนที่เป็นจริงด้วยเช่นกัน"
นายปราโมทย์ กล่าวว่า ถึงแม้ราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และราคาของบ้านก็มีแนวโน้มจะมีราคาที่สูงขึ้น แต่หากรัฐบาลชุดใหม่ มีการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจให้ดี สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ก็คาดว่ากำลังซื้อในตลาดคงจะไม่หดหายไป โดยในส่วนยอดขายรวมของบริษัทฯ ในปี 2551 คาดว่าน่าจะเติบโตได้ประมาณ 20%
สำหรับในปี 2550 ที่ผ่านมา ผลประกอบการของบริษัทฯ มียอดขายต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 8.4 % เนื่องจากลูกค้าบางส่วนชะลอการตัดสินใจ โดยปี 2550 บริษัทฯมียอดขายรวม 458 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ 500 ล้านบาท สามารถแบ่งตามกลุ่มธุรกิจคือ กลุ่มบ้านราคา 5-10 ล้านบาท ดำเนินการโดยบริษัท โฟร์พัฒนาฯ มียอดขายรวม 217 ล้านบาท จากเป้าหมาย 240 ล้านบาท กลุ่มบ้านระดับพรีเมียม ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการโดย บริษัท โฟร์พัฒนาฯ มียอดขายรวม 79 ล้านบาท จากเป้าหมาย 80 ล้านบาท แต่บ้านในกลุ่มนี้ ปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาและมีบางส่วนที่วางเงินมัดจำ คาดว่าจะทำการปลูกสร้างภายในปี 2551 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 155 ล้านบาท
ขณะที่ กลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท โฟร์ดีเวลลอป เฮ้าส์ จำกัด มียอดขายรวม 57 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ 60 ล้านบาท โดยยังมีกลุ่มลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกกว่า 50 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มธุรกิจออกแบบ และตกแต่งภายใน โดย บริษัท โฟร์พัฒนา อินทีเรีย จำกัด ทำยอดขายได้รวม 48 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ 50 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ทั้งในส่วนของ ระบบกันซึม สนามเทนนิส และ โครงหลังคาเหล็กไร้สนิม อีซี่ ทรัส ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และธุรกิจอสังหาฯ ทำยอดขายได้ 33 ล้านบาท จากเป้าหมาย 40 ล้านบาท และ กลุ่มธุรกิจผลิต ออกแบบงานโฆษณางานอีเว้นต์ และสิ่งพิมพ์ ในนามบริษัท โฟร์พัฒนา คัลเลอร์ไลน์ จำกัด ทำยอดขายได้ 15 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ 20 ล้านบาท
นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2550 ที่ผ่านมา ถือว่าภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คือมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 8,500 ล้านบาท จากที่มีการคาดการณ์กันไว้ที่ 8,000 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2551 คาดว่าจากสถานการณ์ทางการเมืองที่คาดว่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี รวมถึงในช่วงปลายปี 2550 ดัชนีทางเศรษฐกิจหลายตัวมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้ในปี 2551 ภาพรวมของเศรษฐกิจ และทิศทางของตลาดรับสร้างบ้านจะมีการขยายตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านเองคาดว่าในปี 2551 จะยังมีกำลังซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของบริษัทฯ พบว่า มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นจำนวนมากที่ต้องการปลูกสร้างบ้านในปี 2551 ซึ่งสอดคล้องกับการทำการวิจัยของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านที่ระบุว่ามีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านภายในปี 2550-2551 กว่า 60%
ถึงกระนั้น ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือเรื่องของราคาวัสดุก่อสร้างที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 ที่ผ่านมาจากการรวบรวมของบริษัทฯ พบว่า มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ซึ่งถือเป็นการขึ้นราคาที่ยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ไม่สามารถขึ้นราคาวัสดุก่อสร้างได้มากนัก ขณะที่ในปี 2551 คาดว่าราคาวัสดุก่อสร้างน่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านต้องปรับราคาขึ้นไปด้วย
"ปีที่ผ่านมาวัสดุก่อสร้างยังขึ้นราคาไม่ได้มากนัก เพราะทั้งภาวะเศรษฐกิจ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัว ซึ่งผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน รวมทั้งบริษัทฯ เองก็ไม่ได้ขยับขึ้นราคาบ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค แต่ในปี 2551 คงต้องมีการประเมินเรื่องของราคาวัสดุก่อสร้าง และน้ำมันกันอีกครั้งหากมีการปรับขึ้น คาดว่าผู้ประกอบการรับสร้างบ้านก็ต้องปรับราคาขึ้นตามต้นทุนที่เป็นจริงด้วยเช่นกัน"
นายปราโมทย์ กล่าวว่า ถึงแม้ราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และราคาของบ้านก็มีแนวโน้มจะมีราคาที่สูงขึ้น แต่หากรัฐบาลชุดใหม่ มีการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจให้ดี สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ก็คาดว่ากำลังซื้อในตลาดคงจะไม่หดหายไป โดยในส่วนยอดขายรวมของบริษัทฯ ในปี 2551 คาดว่าน่าจะเติบโตได้ประมาณ 20%
สำหรับในปี 2550 ที่ผ่านมา ผลประกอบการของบริษัทฯ มียอดขายต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 8.4 % เนื่องจากลูกค้าบางส่วนชะลอการตัดสินใจ โดยปี 2550 บริษัทฯมียอดขายรวม 458 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ 500 ล้านบาท สามารถแบ่งตามกลุ่มธุรกิจคือ กลุ่มบ้านราคา 5-10 ล้านบาท ดำเนินการโดยบริษัท โฟร์พัฒนาฯ มียอดขายรวม 217 ล้านบาท จากเป้าหมาย 240 ล้านบาท กลุ่มบ้านระดับพรีเมียม ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการโดย บริษัท โฟร์พัฒนาฯ มียอดขายรวม 79 ล้านบาท จากเป้าหมาย 80 ล้านบาท แต่บ้านในกลุ่มนี้ ปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาและมีบางส่วนที่วางเงินมัดจำ คาดว่าจะทำการปลูกสร้างภายในปี 2551 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 155 ล้านบาท
ขณะที่ กลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท โฟร์ดีเวลลอป เฮ้าส์ จำกัด มียอดขายรวม 57 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ 60 ล้านบาท โดยยังมีกลุ่มลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกกว่า 50 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มธุรกิจออกแบบ และตกแต่งภายใน โดย บริษัท โฟร์พัฒนา อินทีเรีย จำกัด ทำยอดขายได้รวม 48 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ 50 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ทั้งในส่วนของ ระบบกันซึม สนามเทนนิส และ โครงหลังคาเหล็กไร้สนิม อีซี่ ทรัส ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และธุรกิจอสังหาฯ ทำยอดขายได้ 33 ล้านบาท จากเป้าหมาย 40 ล้านบาท และ กลุ่มธุรกิจผลิต ออกแบบงานโฆษณางานอีเว้นต์ และสิ่งพิมพ์ ในนามบริษัท โฟร์พัฒนา คัลเลอร์ไลน์ จำกัด ทำยอดขายได้ 15 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ 20 ล้านบาท