SALEE เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มจากเดิม 1,040 ล้านบาท หลังบริษัทจับมือกับ ILL Ochroma Group จัดตั้ง "อิลโลโครมา เอเชีย" รุกธุรกิจผลิตฉลาก Wet Glue Labels ด้วยการถือหุ้นใหญ่ 51% เตรียมสั่งซื้อเครื่องจักรกำลังผลิต 1,000 ล้านดวง/ปี คาดเริ่มผลิตได้ไตรมาส 2 ตั้งเป้ารายได้ปีแรก 120 ล้านบาท เน้นขายในประเทศเป็นหลักก่อนขยายไปต่างประเทศ
นายเศวต นราธิปกร กรรมการบริหาร บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2550 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 อนุมัติให้บริษัทเข้าร่วมลงทุนกับ ILLOchroma Group จากประเทศเบลเยี่ยม เพื่อจัดตั้ง บริษัท อิลโลโครมา เอเชีย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตฉลาก Wet Glue Labels สำหรับภาชนะบรรจุโดยเฉพาะเครื่องดื่มประเภทเบียร์และซอฟท์ดริ้งค์ ซึ่งกระดาษที่ใช้ในการผลิตฉลากเป็นกระดาษ Wet Strength Paper ที่ถึงเปียกน้ำแต่ก็ไม่เปื่อยยุ่ย ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท โดยบริษัทจะลงทุน 20.4 ล้านบาท และเข้าถือหุ้นสัดส่วน 51% และ ILLOchroma Group ถือหุ้นสัดส่วน 49% โดยจะใช้เป็นฐานในการผลิตสินค้าและส่งออกในอนาคต
โดยภายหลังจดทะเบียนแล้ว บริษัท จะสั่งซื้อเครื่องจักรชุดแรก สำหรับ Cutting Process โดยมีกำลังการผลิต 1,000 ล้านดวง/ปี คาดนำเข้ามาติดตั้งใน 1-2 เดือนข้างหน้า ก่อนเดินเครื่องในไตรมาส 2 ซึ่ง ตั้งเป้ารายได้ปีแรกไว้ไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาท โดยเน้นที่ตลาดในประเทศและขยายส่งออกในเอเชียที่สัดส่วน 80% และ 20% ตามลำดับ ซึ่งปีนี้จะส่งออกไปเวียดนามก่อนขยายสู่ประเทศในภูมิภาคนี้
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ SALEE กล่าวว่าปี 51 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,040 ล้านบาท หรือเติบโต 30%จากปี 50 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 800-900 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิม แต่หลังบริษัทใหม่เริ่มผลิต ก็จะสร้างรายได้เพิ่มเข้ามาประมาณ 60 ล้านบาท ทำให้อาจต้องปรับประมาณรายได้เพิ่มอีก ขณะที่บริษัทเตรียมเสนอราคาในการรับงานจากบริษัทเบียร์รายใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะตกลงกันได้ในปีนี้
Mr.Daniel Defrenne ผู้บริหาร ILLOchroma Group กล่าวว่า หตุที่ตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนกับ SALEE เพราะต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาดเอเชีย รวมถึงเข้ามาบริการลูกค้าที่มีอยู่แล้วในแถบนี้ได้ใกล้ชิดและรวดเร็วยิ่งขึ้น และมองเห็นศักยภาพของตลาดฉลากในไทยที่มีโอกาสการเติบโตสูง เพราะส่วนใหญ่ยังต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ILLOchroma Group เป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำทางด้านการผลิตฉลาก wet glue labels สำหรับภาชนะบรรจุในยุโรปมียอดผลิตมากกว่า 550 ล้านตารางเมตรต่อปี ซึ่งสร้างรายได้ทั้งกลุ่มปีละประมาณ 100 ล้านยูโร โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทเครื่องดื่มประเภทเบียร์และซอฟท์ดริ้งค์
นายเศวต นราธิปกร กรรมการบริหาร บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2550 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 อนุมัติให้บริษัทเข้าร่วมลงทุนกับ ILLOchroma Group จากประเทศเบลเยี่ยม เพื่อจัดตั้ง บริษัท อิลโลโครมา เอเชีย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตฉลาก Wet Glue Labels สำหรับภาชนะบรรจุโดยเฉพาะเครื่องดื่มประเภทเบียร์และซอฟท์ดริ้งค์ ซึ่งกระดาษที่ใช้ในการผลิตฉลากเป็นกระดาษ Wet Strength Paper ที่ถึงเปียกน้ำแต่ก็ไม่เปื่อยยุ่ย ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท โดยบริษัทจะลงทุน 20.4 ล้านบาท และเข้าถือหุ้นสัดส่วน 51% และ ILLOchroma Group ถือหุ้นสัดส่วน 49% โดยจะใช้เป็นฐานในการผลิตสินค้าและส่งออกในอนาคต
โดยภายหลังจดทะเบียนแล้ว บริษัท จะสั่งซื้อเครื่องจักรชุดแรก สำหรับ Cutting Process โดยมีกำลังการผลิต 1,000 ล้านดวง/ปี คาดนำเข้ามาติดตั้งใน 1-2 เดือนข้างหน้า ก่อนเดินเครื่องในไตรมาส 2 ซึ่ง ตั้งเป้ารายได้ปีแรกไว้ไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาท โดยเน้นที่ตลาดในประเทศและขยายส่งออกในเอเชียที่สัดส่วน 80% และ 20% ตามลำดับ ซึ่งปีนี้จะส่งออกไปเวียดนามก่อนขยายสู่ประเทศในภูมิภาคนี้
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ SALEE กล่าวว่าปี 51 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,040 ล้านบาท หรือเติบโต 30%จากปี 50 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 800-900 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิม แต่หลังบริษัทใหม่เริ่มผลิต ก็จะสร้างรายได้เพิ่มเข้ามาประมาณ 60 ล้านบาท ทำให้อาจต้องปรับประมาณรายได้เพิ่มอีก ขณะที่บริษัทเตรียมเสนอราคาในการรับงานจากบริษัทเบียร์รายใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะตกลงกันได้ในปีนี้
Mr.Daniel Defrenne ผู้บริหาร ILLOchroma Group กล่าวว่า หตุที่ตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนกับ SALEE เพราะต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาดเอเชีย รวมถึงเข้ามาบริการลูกค้าที่มีอยู่แล้วในแถบนี้ได้ใกล้ชิดและรวดเร็วยิ่งขึ้น และมองเห็นศักยภาพของตลาดฉลากในไทยที่มีโอกาสการเติบโตสูง เพราะส่วนใหญ่ยังต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ILLOchroma Group เป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำทางด้านการผลิตฉลาก wet glue labels สำหรับภาชนะบรรจุในยุโรปมียอดผลิตมากกว่า 550 ล้านตารางเมตรต่อปี ซึ่งสร้างรายได้ทั้งกลุ่มปีละประมาณ 100 ล้านยูโร โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทเครื่องดื่มประเภทเบียร์และซอฟท์ดริ้งค์