xs
xsm
sm
md
lg

ไทยธนาคารอ่วมซีดีโอ 6.7 พันล. ฉุดผลประกอบการขาดทุน 34%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไทยธนาคารทรุดหนักหลังซีดีโอที่ลงทุนอยู่มีผลขาดทุนถึง 6,724 ล้านบาท กดผลประกอบการทั้งปีขาดทุน 5,935 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับปีก่อน

นายประเสริฐ หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านการเงินและควบคุม ธนาคาร ไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) หรือ BT แจ้งผลประกอบการของธนาคาร ไทยธนาคารและบริษัทย่อย ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ว่า ผลประกอบการตามงบการเงินรวม (Consolidated) มีขาดทุนสุทธิรวม 5,935 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนจำนวน 4,423 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 1,512 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 34

สำหรับงบการเงินเฉพาะธนาคาร มีกำไรก่อนรายการพิเศษ จำนวน 2,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 146 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรก่อนรายการพิเศษจำนวน 1,150 ล้านบาท เนื่องจากมีดอกเบี้ย และเงินปันผล เพิ่มขึ้น473 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 431 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5 มีผลทำให้รายได้ดอกเบี้ย และเงินปันผลสุทธิ (Net Interest Income) เพิ่มสูงขึ้น 904 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ไม่รวมรายการพิเศษเรื่องการขาดทุนจากการตีราคาเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เพิ่มขึ้น 672 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 40 นอกจากนี้รายจ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 283 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5

จากผลประกอบการกำไรก่อนรายการพิเศษของธนาคารเพิ่มขึ้นสูงกว่าปีก่อน ตามที่กล่าวข้างต้น แต่ถูกผลกระทบจากรายการพิเศษ ทำให้ต้องตั้งสำรองจำนวน 9,249 ล้านบาท มีผลทำให้ธนาคารมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับปีเป็นจำนวน 6,422 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนจำนวน 4,479 ล้านบาท

สำหรับรายการพิเศษที่มีผลกระทบต่องบการเงินของธนาคารในปี 2550 ประกอบด้วย สำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ในไตรมาส ที่ 3 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธ.ป.ท.) ได้แจ้งให้ธนาคารตั้งสำรองเพิ่มจำนวน 826 ล้านบาท ตามเกณฑ์คุณภาพ เช่น ลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้แต่ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนและยังผ่อนชำระได้ตามปกติได้ถูกนับเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) หรือ ลูกหนี้ที่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามปกติแต่งบการเงินของลูกหนี้มีผลขาดทุนติดต่อ 3 ปี ได้ถูกนับเป็นหนี้ NPL เป็นต้นจากรายชื่อลูกหนี้ และจำนวนเงินที่ ธ.ป.ท. ได้แจ้งมาให้ตั้งสำรองนั้น เพื่อความรอบคอบ ธนาคารได้ พิจารณาจัดชั้นและสำรองเพิ่มเติมอีก 280 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนสำรองเผื่อหนี้สูญทั้งสิ้น1,106 ล้านบาท

นอกจากนี้ธนาคารยังได้สำรองลูกหนี้กลุ่มเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำนวน 1,419 ล้านบาท รวมถึงเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท Collateralized Debt Obligation (CDO) โดยมีผลขาดทุนจากเงินลงทุน CDO จำนวน 6,724 ล้านบาท ในงบกำไรขาดทุนประกอบด้วย ผลขาดทุน จากการตีราคาเงินลงทุน CDO ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 5,215 ล้านบาทและผลขาดทุนที่เกิดขึ้นแล้วจำนวน 1,509 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ณ 31 ธันวาคม 2550 ธนาคารได้เปลี่ยนวิธีการตีราคาบัญชีเงินลงทุนของ CDO จากการใช้ราคาทุนหักค่าเผื่อการด้อยค่าตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 40 มาเป็นวิธี Mark To Market ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งให้ธนาคารพาณิชย์เริ่มถือปฏิบัติตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามเพื่อให้เป็นการปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับเงินกองทุน รวมทั้งเพื่อความแข็งแกร่ง และการขยายธุรกิจในอนาคต ธนาคารจึงได้มีมติเพิ่มทุนจำนวน 6.1 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้จดทะเบียนและรับชำระเงินบางส่วนแล้วจำนวน 4.1 พันล้านบาท ณ วันที่ 10 มกราคม 2551 และคาดว่าหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจำนวน 2 พันล้านบาทจะออกจำหน่ายให้กับนักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น