บลจ.เอ็มเอฟซี ฟันกำไรไตรมาส 4 ปีหมู 38.67 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 29.09% หลังได้อานิสงส์จัดตั้งกองทุนใหม่เพิ่ม แถมได้ส่วนแบ่งกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากบริษัทร่วม ด้านกองทุนวายุภักษ์ 1 จ่ายปันผลหรู 40 สตางค์ต่อหน่วย เตรียมรับเงิน 19 ก.พ.นี้
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทและรวมของบริษัทย่อยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ว่า บลจ.เอ็มเอฟซีมีกำไรสุทธิ 38.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 29.95 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.32 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.25 บาท ส่วนผลการดำเนินงานงวด 12 เดือน (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550) บริษัทมีกำไรสุทธิ 114.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิประมาณ 88.09 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 0.96 บาท จากปีก่อนที่มีกำไรต่อหุ้น 0.73 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานเฉพาะกิจการในช่วงไตรมาส 4 บริษัทมีกำไรสุทธิ 39.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 36.06 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.33 บาท ส่วนผลการดำเนินงานงวด 12 เดือนมีกำไรสุทธิ 91.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวม 83.96 ล้านบาท
นายพิชิตกล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 ซึ่งได้รวมผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมมีกำไรสุทธิจำนวน 38.67 ล้านบาทโดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.71 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 29.09% นั้น เป็นผลมาจากการจัดตั้งกองทุนใหม่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 และส่วนแบ่งกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากบริษัทร่วม
ทั้งนี้ งบการเงินเฉพาะของบริษัท มีการเปลี่ยนนโยบายการบันทึกบัญชีของเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะบริษัท จากวิธีส่วนได้ส่วนเสียเป็นวิธีราคาทุนเดิม ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2550 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ของมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 44 โดยบริษัท ฯ ได้ปรับปรุงย้อนหลังงบการเงินที่แสดงเปรียบเทียบด้วย
โดยการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีดังกล่าว ส่งผลต่อการแสดงรายการบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงินลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วม ในงบการเงินเฉพาะบริษัทเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการจัดทำงบการเงินรวมแต่อย่างใด
สำหรับบลจ.เอ็มเอฟซี อยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารออมสิน ในการซื้อหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 11.68% ต่อจากธนาคารทหารไทยที่ต้องการขายออก เพราะไม่ต้องการถือหุ้นในบริษัทจัดการกองทุนถึง 3 ราย โดยการซื้อหุ้นดังกล่าว คาดว่าธนาคารออมสินจะต้องใช้เงินทุนในการซื้อหุ้นประมาณ 120-130 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 150 ล้านบาท โดยในส่วนของราคาขายนั้นอาจจะใช้ตามราคาตลาดหรืออาจจะเป็นราคาที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน ขณะเดียวกันอาจจะต้องของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผ่อนผันไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ด้วย เนื่องจากการถือหุ้นเพิ่มของธนาคารออมสินจะเกินสัดส่วน 25% ซึ่งเป็นจุดที่ต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์
ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU1) ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับช่วงระยะเวลา 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2550 ในอัตราร้อยละ 4.00 หรือ 0.40 บาท ต่อ 1 หน่วยลงทุน สำหรับหน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งมีประชาชนทั่วไปและนิติบุคคลทั่วไปเป็นผู้ถือหน่วยลงทุน จำนวน 7,000 ล้านหน่วยลงทุน โดยกำหนดการ ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551
ทั้งนี้กองทุนรวม วายุภักษ์ หนึ่ง จัดตั้งและจัดการกองทุน โดย บลจ.กรุงไทย และบลจ.เอ็มเอฟซี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 โดยกองทุนมีนโยบายคุ้มครองเงินต้นและอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ มีมูลค่าโครงการ 100,000 ล้านบาท อายุโครงการ 10 ปี
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทและรวมของบริษัทย่อยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ว่า บลจ.เอ็มเอฟซีมีกำไรสุทธิ 38.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 29.95 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.32 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.25 บาท ส่วนผลการดำเนินงานงวด 12 เดือน (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550) บริษัทมีกำไรสุทธิ 114.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิประมาณ 88.09 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 0.96 บาท จากปีก่อนที่มีกำไรต่อหุ้น 0.73 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานเฉพาะกิจการในช่วงไตรมาส 4 บริษัทมีกำไรสุทธิ 39.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 36.06 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.33 บาท ส่วนผลการดำเนินงานงวด 12 เดือนมีกำไรสุทธิ 91.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวม 83.96 ล้านบาท
นายพิชิตกล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 ซึ่งได้รวมผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมมีกำไรสุทธิจำนวน 38.67 ล้านบาทโดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.71 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 29.09% นั้น เป็นผลมาจากการจัดตั้งกองทุนใหม่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 และส่วนแบ่งกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากบริษัทร่วม
ทั้งนี้ งบการเงินเฉพาะของบริษัท มีการเปลี่ยนนโยบายการบันทึกบัญชีของเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะบริษัท จากวิธีส่วนได้ส่วนเสียเป็นวิธีราคาทุนเดิม ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2550 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ของมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 44 โดยบริษัท ฯ ได้ปรับปรุงย้อนหลังงบการเงินที่แสดงเปรียบเทียบด้วย
โดยการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีดังกล่าว ส่งผลต่อการแสดงรายการบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงินลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วม ในงบการเงินเฉพาะบริษัทเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการจัดทำงบการเงินรวมแต่อย่างใด
สำหรับบลจ.เอ็มเอฟซี อยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารออมสิน ในการซื้อหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 11.68% ต่อจากธนาคารทหารไทยที่ต้องการขายออก เพราะไม่ต้องการถือหุ้นในบริษัทจัดการกองทุนถึง 3 ราย โดยการซื้อหุ้นดังกล่าว คาดว่าธนาคารออมสินจะต้องใช้เงินทุนในการซื้อหุ้นประมาณ 120-130 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 150 ล้านบาท โดยในส่วนของราคาขายนั้นอาจจะใช้ตามราคาตลาดหรืออาจจะเป็นราคาที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน ขณะเดียวกันอาจจะต้องของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผ่อนผันไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ด้วย เนื่องจากการถือหุ้นเพิ่มของธนาคารออมสินจะเกินสัดส่วน 25% ซึ่งเป็นจุดที่ต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์
ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU1) ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับช่วงระยะเวลา 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2550 ในอัตราร้อยละ 4.00 หรือ 0.40 บาท ต่อ 1 หน่วยลงทุน สำหรับหน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งมีประชาชนทั่วไปและนิติบุคคลทั่วไปเป็นผู้ถือหน่วยลงทุน จำนวน 7,000 ล้านหน่วยลงทุน โดยกำหนดการ ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551
ทั้งนี้กองทุนรวม วายุภักษ์ หนึ่ง จัดตั้งและจัดการกองทุน โดย บลจ.กรุงไทย และบลจ.เอ็มเอฟซี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 โดยกองทุนมีนโยบายคุ้มครองเงินต้นและอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ มีมูลค่าโครงการ 100,000 ล้านบาท อายุโครงการ 10 ปี