กระทรวงพาณิชย์ ยอมรับ จำเป็นต้องอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาสินค้าอีกหลายรายการ หลังผู้ประกอบการขู่เลิกผลิตสินค้าโดยอ้างต้นทุนสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ล่าสุด สินค้าอุปโภคบริโภค 8 รายการ จ่อคิวขยับขึ้น
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงปัญหาผลกระทบต้นทุนราสินสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นจากปัญหาน้ำมันแพงที่กำลังส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคขยับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ นายยรรยง ยอมรับว่าจำเป็นต้องให้ผู้ผลิตสินค้าปรับขึ้นราคา เพราะเมื่อผู้ผลิตมีภาระขาดทุนก็จะไม่ผลิตสินค้า หรือผลิตน้อยลง ทำให้มีสินค้าป้อนสู่ตลาดน้อยลง และอาจเกิดภาวะขาดแคลน ตลาดก็จะเกิดความปั่นป่วน ขณะเดียวกัน ก็อาจใช้วิธีลดขนาด หรือลดคุณภาพสินค้า ทำให้ผู้บริโภคใช้สินค้าด้อยคุณภาพ และอาจเป็นอันตรายได้
โดยข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งระบุจำนวนสินค้าและบริการที่กรมการค้าภายในกำกับดูแล 200 รายการ ล่าสุดมีสินค้าที่อยู่ในบัญชีควบคุม 8 รายการ อยู่ระหว่างพิจารณาปรับราคา โดยหลังจากยก เลิกประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ที่ห้ามขึ้นราคาสินค้าเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2550 มี 14 สินค้ายื่นขอปรับราคา และทางกรมการค้าภายในได้อนุมัติปรับขึ้นไปในปีก่อน 9 รายการ
ทั้งนี้ ในจำนวนสินค้าที่ได้รับ อนุมัติให้ขึ้นราคาปีก่อน เพียงแค่ต้นเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มี 3 สินค้ายื่นขอปรับราคาขึ้นอีกครั้ง คือ 1.น้ำมันพืช 2.ผลิตภัณฑ์นม และ 3.ปลากระป๋อง เมื่อรวมกับสินค้าที่ยื่นขอปรับราคาเดิมซึ่งยังไม่ได้รับอนุมัติ จึงมีสินค้าที่รอพิจารณาปรับขึ้น 8 รายการ
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่งปลีกไทย ยอมรับว่าราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวเพิ่ม ขึ้นในขณะนี้มีแนวโน้มยาวต่อเนื่องไปอีกซักระยะ ก่อนเข้าสู่ภาวะสินค้าราคาแพงคงที่ โดยราคาสินค้าที่ปรับขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสินค้าเกษตรบางประเภทอยู่ในภาวะขาดแคลน ขณะที่ความต้องการในตลาดมีสูง เพื่อนำไปใช้ผลิตพลังงานทดแทน และไบโอดีเซล
นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า เตรียมปรับราคาขายหมูหน้าฟาร์มขึ้นอีกกิโลกรัม (กก.) ละ 3 บาท เป็น กก.ละ 47-48 บาท ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่ควรปรับราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้น หลังผู้เลี้ยงสุกรแบกขาดทุนตัวละ 400 บาทมานาน ซึ่งราคาปรับได้ยังไม่ชนเพดาน
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเรียกกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรมาหารือถึงสาเหตุที่จะปรับราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม ขณะนี้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มยังราคา กก.ละ 43-44 บาท โดยราคาหน้าเขียงยังอยู่ที่ กก.ละ 90 บาท
ส่วนการหารือกับผู้ผลิตน้ำมันพืชบรรจุขวดทั้งปาล์มและถั่วเหลืองได้ข้อสรุปว่า สัปดาห์หน้ากรมฯ จะเสนอนำเข้า 6 หมื่นตัน เพื่อมาเติมสต๊อก1.5-1.6 แสนตัน ปัจจุบันสต๊อกเหลือ 9.8 หมื่นตัน โดยทยอยนำเข้า 3 ครั้ง ขณะนี้น้ำมันพืชยังไม่ขาดตลาด และยังไม่อนุมัติให้ขึ้นราคา ทั้งนี้ ในส่วนของปลากระป๋อง ยังไม่ได้อนุมัติให้รายใดปรับราคาเพิ่มเช่นกัน
