xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กตลาดหุ้นชี้ ดัชนีปี 51 ผันผวนสูง อาจพุ่งทะลุ 1 พันจุด หรือดิ่งลงเหลือแค่ 500 จุดได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกสมาคม บล.มองหุ้นไทยปี 51 แนวโน้มผันผวนสูง อาจปรับขึ้นถึงพันจุด หรือดิ่งลงเหลือแค่ 500 จุดได้ หากมีเหตุการณ์พลิกผันรุนแรง พร้อมระบุ ตัวแปรด้านการเมือง ยังเป็นปัจจัยที่มีนัยสำคัญ แนะจับตานักลงทุนต่างชาติโยกเงินเข้า-ออกตลาดเอเชียเร็วขึ้น “ปกรณ์” ปฏิเสธข่าวถูกทาบนั่งเก้าอี้ทีม ศก.รัฐบาลใหม่ ยอมรับดัชนีช่วงนี้มีโอกาสหลุด 800 จุด

วันนี้ (8 ม.ค.) นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยใน 2551 เชื่อว่า จะมีแนวโน้มความผันผวนสูงมาก ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นดัชนีทำนิวไฮเกิน 1,000 จุด และอาจจะปรับตัวลดลงเหลือ 500 จุด ก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น

ปัจจัยเศรษฐกิจของโลกที่เข้าสู่ภาวะซบเซา เช่น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยุโรป ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะความตกต่ำของตลาดสินเชื่อในสหรัฐฯ (ซับไพรม์) ซึ่งมีปัญหาต่อเนื่อง อีกทั้งเม็ดเงินการลงทุนของประเทศในแถบยุโรปและสหรัฐฯที่จะไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยหรือไม่จากปัญหาซับไพรม์ หรือรวมถึงตลาดหุ้นเอเชีย หรือตลาดหุ้นไทยจะกลายเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนของต่างชาติทดแทนประเทศที่เกิดปัญหาซับไพรม์

“ตลาดลด/เพิ่ม ได้ 100-200 จุดได้ หากมีเหตุการณ์พลิกผันรุนแรง นอกจากนี้ ยังปัจจัยการเมืองเป็นตัวเสริมจากปัจจัยนอกประเทศ”

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยอมรับว่า ตลาดหุ้นในขณะนี้ยังคงมีความผันผวนอยู่ ทั้งจากปัจจัยภายใน เช่น การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน และปัจจัยภายนอก ที่ยังได้รับความกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยจากปัญหาซับไพรม์ และตัวเลขการว่าจ้างแรงงานที่ลดลง จากปัจจัยดังกล่าวจึงมีความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นในช่วงนี้ดัชนีจะหลุด 800 จุด

“แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยไม่ได้เลวร้าย เรายังมีของดีทั้งราคาหุ้นที่ถูกกว่าประเทศอื่น ดังนั้น หากปัญหาทุกอย่างคลี่คลาย การเมืองชัดเจน และเห็นรูปร่างเศรษฐกิจก็น่าจะทำให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ส่วนตัวเห็นว่าจะต้องเป็นบุคคลที่เป็นยอมรับในวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ” นายปกรณ์ กล่าว

ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการมาทาบทามให้ตนรับตำแหน่งในรัฐบาลนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ

นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ตลาดจะให้ความสำคัญในเรื่องการเพิ่มจำนวนบริษัทในการเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการในการชักชวนบริษัทเข้ามาจดทะเบียน ซึ่งส่งผลให้มีบริษัทที่แสดงความจำนงในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 107 บริษัท ขนาดมาร์เก็ตแคป รวม 3 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 48 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และ 59 บริษัทในตลาด mai ขณะเดียวกัน ก็จะให้ความสำคัญเรื่องการขยายฐานนักลงทุนสถาบันมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบัน 11% ซึ่งถือว่าน้อยในการขยายฐานนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในปีนี้ ชุดคณะอนุกรรมการจะต้องพยายามทำเรื่องดังกล่าวให้ได้ภายใต้ปัจจัยที่ยังกดดันตลาดหุ้นไทย ถึงแม้ปัจจุบันจะมีนักลงทุนที่พร้อมจะลงทุน เช่น ญี่ปุ่น ซึ่งการที่ตลาดหุ้นไทยมีพีอีต่ำกว่าประเทศอื่น และปัจจัยพื้นฐานดีน่าจะเป็นจุดขายดึงดูดให้นักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุน ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนการโรดโชว์ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ในปีนี้ของตลาดหลักทรัพย์

นอกจากนี้ ในส่วนของการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ คาดว่า จะสามารถสรุปผลการแปรรูปได้ในช่วงเดือน เม.ย.2551 จากก่อนหน้านี้ ที่ได้มีการตั้งบริษัท บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป เป็นที่ปรึกษาในการศึกษาทิศทางการดำเนินงาน และการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทจำกัด

ด้าน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.เปิดเผยว่า ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดขณะนี้เกิดจาก 2 ปัจจัย คือ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่นักวิเคราะห์บางฝ่ายมองว่า ชะลอลงทั้งจากปัญหาซับไพรม์ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ส่งผลกังวลไปยังตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลจากปัจจัยในประเทศ ในเรื่องของการเมืองที่ทุกฝ่ายกำลังรอการจัดตั้งรัฐบาลและทีมเศรษฐกิจ เป็นผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน

“นักลงทุนมีความหวังว่าทีมเศรษฐกิจจะเข้ามาทำงานเชิงรุก ส่งเสริมอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันได้ ที่ผ่านมาประเทศไทย ไม่ได้ขยายตัวมากนักหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน หากปีนี้เศรษฐกิจไทยโตได้ 4-5% ถือว่าน่าพอใจ แต่ยังต้องเฝ้าระวังในเรื่องของราคาน้ำมัน และค่าเงินบาท” นางภัทรียา กล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น