“โฆสิต” เรียกประชุมทีม ศก.ทิ้งทวน-นัดสุดท้าย สรุปงานส่งมอบ รบ.ใหม่

“โฆสิต” เรียกประชุมทีม ศก.นัดสุดท้าย ประเมินผลมาตรการด้านต่างๆ และสรุปงานเพื่อส่งมอบรัฐบาลใหม่ คาดหารือเร่งด่วนปัญหาน้ำมันแพง พร้อมผลักดันให้มีการดำเนินนโยบายต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องโครงการโลจิสติกส์, พลังงานทดแทน และเซาเทิร์นซีบอร์ด สภาพัฒน์คาด ศก.ไตรมาส 4 ปี 50 โตได้ถึง 5%

วันนี้ (7 ม.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งเข้ามาว่า นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เรียกประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวม (กกร.) นัดสุดท้าย เพื่อประเมินผลมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปในช่วงที่ผ่านมา และสรุปข้อมูลเพื่อส่งให้รัฐบาลชุดใหม่ได้สานต่อ

โดยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายโฆสิต ได้กล่าวเพิ่มเติมกับสื่อมวลชน โดยระบุว่า ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนจากต่างประเทศ ยังเป็นไปด้วยดี แม้จะมีข้อกังวลว่านักลงทุนอาจย้ายฐานการผลิตไปประเทศเวียดนาม แต่ในบางอุตสาหกรรมก็มีข้อจำกัด เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ โดยส่วนใหญ่อุตสาหกรรมที่มีการย้ายฐานการผลิตไปอยู่เวียดนามจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก เช่น เสื้อผ้า รองเท้า

นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมได้ประเมินผลการทำงานในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนแนวทางที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการประเมินผลการทำงานในรอบปีที่ผ่านมา แต่คงไม่มีอะไรที่จะฝากให้รัฐบาลชุดใหม่ได้สานต่อ

ส่วนกรณีที่อนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาสินค้าไปนั้นได้มีการพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลและรอบคอบแล้ว

สำหรับปัญหาราคาน้ำมันแพงนั้น นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลว่า ต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ส่งออก หรือประชาชนทั่วไป เพราะที่ผ่านมามีการแทรกแซงค่าเงินบาทให้อยู่ที่ระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากปล่อยไปตามกลไกตลาดค่าเงินบาทน่าจะอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์ ดังนั้น ราคาน้ำมันในประเทศจึงทะลุลิตรละ 30 บาท

ทั้งนี้ คณะกรรมการเห็นว่าผลงานด้านเศรษฺฐกิจของรัฐบาลช่วงที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ซึ่งจะได้ทำรายงานผลสรุปดังกล่าวให้ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธาน ในวันที่ 17 ม.ค.นี้

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมฯ โดยระบุว่า การประชุมฯ ในวันนี้ คาดว่าจะผลักดันให้มีการดำเนินนโยบายต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องโครงการโลจิสติกส์, พลังงานทดแทน และเซาเทิร์นซีบอร์ด

นอกจากนี้ คาดว่า ที่ประชุมจะได้หารือถึงปัญหาราคาสินค้าแพง และสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ที่จะส่งผลต่อต้นทุนค่าขนส่งและการผลิตสินค้า

นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุมทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงเช้าวันนี้ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) ระบุว่า สภาพัฒน์คาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 50 จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5.0%

ขณะที่ รมว.คลัง ก็คาดว่า จีดีพีในไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5.5% ส่งผลให้จีดีพีทั้งปี 2550 ขยายตัวได้ใกล้เคียง 5.0%