ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลง 44 เซนต์เมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) อย่างไรก็ตาม ราคาทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระหว่างการซื้อขาย และอ่อนตัวลงเล็กน้อย หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า น้ำมันดิบสำรองลดลงเกินคาด
วันนี้(4 ม.ค.) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดลดลง 44 เซนต์ แตะระดับ 99.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 100.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระหว่างวัน
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ปิดลดลง 2.75 เซนต์ แตะระดับ 2.5414 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.13 เซนต์ ปิดที่ 2.791 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดลดลง 24 เซนต์ แตะระดับ 97.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 28 ธ.ค.ร่วงลง 4.0 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 289.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 840,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม น้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 207.8 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 770,000 บาร์เรล ส่วนน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล สู่ระดับ 127.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 600,000 บาร์เรล
นายทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "น้ำมันดิบสำรองที่ร่วงลงมากเกินคาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระหว่างวัน อย่างไรก็ตาม น้ำมันดิบสำรองมักปรับตัวลดลงในฤดูนี้ของทุกปี"
ดาวโจนส์ นิวส์ไวร์ รายงานว่า การที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินโดนีเซียวางแผนที่จะเรียกร้องให้กลุ่มโอเปคเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อยับยั้งไม่ให้ราคาน้ำมันพุ่งรุนแรง
เมื่อวานี้นายไมซาร์ ราห์มัน ผู้ว่าการกลุ่มโอเปคของอินโดนีเซีย กล่าวว่า โอเปคอาจตัดสินใจปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ในการประชุมวันที่ 1 ก.พ. หากปริมาณน้ำมันอยู่ในระดับที่ไม่เพียงพอ พร้อมกล่าวว่าโอเปคมีศักยภาพในการเพิ่มการผลิตอีก 500,000 บาร์เรล/วัน นอกจากนี้ ยังเตือนว่าราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงถึง 100-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม นายแอดดิสัน อาร์มสตรอง นักวิเคราะห์จากทีเอฟเอส เอนเนอร์จี ฟิวเจอร์ ในเมืองสแตมฟอร์ด กล่าวว่า "ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าโอเปคจะเพิ่มการผลิตก่อนไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปีนั้น ความต้องการน้ำมันมักจะลดลง"
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า อัตราการกลั่นน้ำมันในรอบสัปดาห์ดังกล่าวเพิ่มขึ้น 1.3% สู่ระดับ 89.4% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4%
ยอดนำเข้าน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น 204,000 บาร์เรล สู่ระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 136,000 บาร์เรล สู่ระดับ 1.20 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนความต้องการน้ำมันเบนซินลดลงสู่ระดับ 9.286 ล้านบาร์เรลต่อวัน
วันนี้(4 ม.ค.) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดลดลง 44 เซนต์ แตะระดับ 99.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 100.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระหว่างวัน
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ปิดลดลง 2.75 เซนต์ แตะระดับ 2.5414 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.13 เซนต์ ปิดที่ 2.791 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดลดลง 24 เซนต์ แตะระดับ 97.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 28 ธ.ค.ร่วงลง 4.0 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 289.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 840,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม น้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 207.8 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 770,000 บาร์เรล ส่วนน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล สู่ระดับ 127.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 600,000 บาร์เรล
นายทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "น้ำมันดิบสำรองที่ร่วงลงมากเกินคาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระหว่างวัน อย่างไรก็ตาม น้ำมันดิบสำรองมักปรับตัวลดลงในฤดูนี้ของทุกปี"
ดาวโจนส์ นิวส์ไวร์ รายงานว่า การที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินโดนีเซียวางแผนที่จะเรียกร้องให้กลุ่มโอเปคเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อยับยั้งไม่ให้ราคาน้ำมันพุ่งรุนแรง
เมื่อวานี้นายไมซาร์ ราห์มัน ผู้ว่าการกลุ่มโอเปคของอินโดนีเซีย กล่าวว่า โอเปคอาจตัดสินใจปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ในการประชุมวันที่ 1 ก.พ. หากปริมาณน้ำมันอยู่ในระดับที่ไม่เพียงพอ พร้อมกล่าวว่าโอเปคมีศักยภาพในการเพิ่มการผลิตอีก 500,000 บาร์เรล/วัน นอกจากนี้ ยังเตือนว่าราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงถึง 100-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม นายแอดดิสัน อาร์มสตรอง นักวิเคราะห์จากทีเอฟเอส เอนเนอร์จี ฟิวเจอร์ ในเมืองสแตมฟอร์ด กล่าวว่า "ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าโอเปคจะเพิ่มการผลิตก่อนไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปีนั้น ความต้องการน้ำมันมักจะลดลง"
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า อัตราการกลั่นน้ำมันในรอบสัปดาห์ดังกล่าวเพิ่มขึ้น 1.3% สู่ระดับ 89.4% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4%
ยอดนำเข้าน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น 204,000 บาร์เรล สู่ระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 136,000 บาร์เรล สู่ระดับ 1.20 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนความต้องการน้ำมันเบนซินลดลงสู่ระดับ 9.286 ล้านบาร์เรลต่อวัน