TRC ปี 51 ตั้ง เป้าโกยรายได้เพิ่มเป็น 2,400 ล้านบาท เพราะมีธุรกิจลงทุนและพัฒนาโครงการหนุนอีกทาง ขณะที่บริษัทสร้างโรงแปรรูปโลหะใช้เองเพื่อลดต้นทุน เตรียมลุยงานต่างประเทศ ดึงบริษัทในเครือเข้าร่วม เผยโครงการ SPP ผ่านความเห็นอนุมัติจากกระทรวงพลังงานแล้ว
นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (TRC) เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ระดับ 2,400 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากเดิมที่ก่อนหน้าตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 2,200 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจลงทุนและพัฒนาโครงการ ประมาณ 200 ล้านบาท รวมทั้งรายได้จากการแปรรูปโลหะ ที่บริษัทตั้งขึ้นมาเพื่อแปรรูปโลหะ( FABRICATION SHOP) รองรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และเป็นการลดต้นทุนเพิ่มอีกทาง
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมลุยต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้รับเหมารายก่อสร้างเพื่อร่วมลุยหางานในต่างประเทศ โดยเริ่มที่ประเทศเพื่อนบ้านก่อน เพราะยังมีงานก่อสร้างทางและพัฒนาประเทศอีกมาก และตะวันออกกลาง ที่ส่วนใหญ่เป็นงานท่อก๊าซและท่อน้ำที่ดูไบและจาตาร์ เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะไปแบบมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อย่าง EMC หรือ บริษัท อี เอ็ม ซี จำกัด (มหาชน) เพราะมีประสบการณ์จากการที่เข้าประมูลงานในประเทศแถบนั้นมาก่อนแล้ว
" งานต่างประเทศปีหน้าจะเป็นเหมือนเราเข้าไปหาตลอดและเรียนรู้ตลาดก่อน ไม่ได้หวังผลอย่างไร และงานวางท่อก๊าซยังเป็นงานหลักที่ทำรายได้ให้เราด้วย พร้อมกับลุยการทำทรีทเม้นท์น้ำทะเลเป็นน้ำจืด เพราะเรามีบริษัท ไฮโดรเทค ที่ทำธุรกิจนี้อยู่แล้ว เราก็จะพ่วงไปด้วย จากการนี้จะทำให้เราทำงานได้มากขึ้นในหลายส่วน " นายสมัยกล่าว
ปัจจุบัน TRC มีงานในมือ (BACK LOG) ประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท ซึ่งงานเหล่านี้เกือบ 80% จะรับรู้รายได้ในปี 51 เพราะเป็นการรับรู้รายได้จากงานเริ่มดำเนินการในปีนี้ ขณะที่ บริษัท จะพยายามจะเพิ่มกรอส มาร์จิ้นเพิ่มจากปีนี้ที่มีอยู่ 15 % เป็น 17-18% ซึ่งจะดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทปีหน้าเติบโตดังกล่าว พร้อมกับรักษา net profitmargin ที่ระดับ 8% ซึ่งสูงกว่าผู้รับเหมารายอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ ผลจากการที่บริษัทได้ทำการควบรวมกิจการกับ บริษัท สหการวิศวกร จำกัด หรือ ส่งผลดีต่อการดำเนินงานอย่างมาก ซึ่งบริษัทได้ปรับโครงสร้าง องค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และให้เกิด synergy ต่อกัน และต้องปรับวิธีกา รturn key เสนอลูกค้าทั้ง
แพคเกจ เพื่อ ดันมาร์จิ้นสูง ในภาวะที่การแข่งขันสูง
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของบริษัทปีนี้ มั่นใจว่าจะไม่ต่างไปจากเป้าหมาย ซึ่งน่าจะทำได้ประมาณ 1,500- 1,600 ล้านบาท จากการรับรู้งานในมือที่ได้รับมา พร้อมกับเล็งที่จะเข้าประมูลงานเพิ่มอีกเกือบ 3 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นงานวางท่อปิ
โตรเคมีให้กับ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) (PTT) ขณะที่ปีหน้าบริษัทก็จะเข้าประมูลงานเพิ่มอีกเกือบ 3 พันล้านบาท หรือเป็นการประมูลงานรวมเกือบ 6 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้งานประมาณ 2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ TRC ยังจะมีรายได้จากการเข้าบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์อีก ซึ่งเป็นการเข้าบริหารโครงการของ SKW อันจะทำให้มีรายได้เสริมเข้ามาอีกทางหนึ่ง
นายสมัยกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้รับการอนุมัติจากการกระทรวงพลังงาน เพื่อลงทุนดำเนินการผลิตไฟฟ้า SPP ขนาด 45 เมกกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท โดยบริษัทจะใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ TRC ต้องการให้เกิดขึ้น
" เราอยากทำ แต่เงินทุนก็ต้องมากโขสำหรับบริษัทเล็ก ๆ อย่างเรา แต่คงต้องหาพันธมิตรเข้ามา และต้องคุยกันในรายละเอียดด้วยว่าจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องลงทุนเองก็ได้ เปิดทางให้พันธมิตรดำเนินการ แต่ในส่วนของการดูแลระบบและการบริหารอื่น เราจะเป็นฝ่ายดำเนินการเอง ซึ่งมีหลายแนวทางที่จะปฎิบัติ " นายสมัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวยังมีเวลาอีกมาก เพราะให้เริ่มดำเนินการได้ภายในปี 20085 และต้องผ่านขบวนการขอความเห็นชอบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA ) ด้วย
นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (TRC) เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ระดับ 2,400 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากเดิมที่ก่อนหน้าตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 2,200 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจลงทุนและพัฒนาโครงการ ประมาณ 200 ล้านบาท รวมทั้งรายได้จากการแปรรูปโลหะ ที่บริษัทตั้งขึ้นมาเพื่อแปรรูปโลหะ( FABRICATION SHOP) รองรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และเป็นการลดต้นทุนเพิ่มอีกทาง
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมลุยต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้รับเหมารายก่อสร้างเพื่อร่วมลุยหางานในต่างประเทศ โดยเริ่มที่ประเทศเพื่อนบ้านก่อน เพราะยังมีงานก่อสร้างทางและพัฒนาประเทศอีกมาก และตะวันออกกลาง ที่ส่วนใหญ่เป็นงานท่อก๊าซและท่อน้ำที่ดูไบและจาตาร์ เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะไปแบบมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อย่าง EMC หรือ บริษัท อี เอ็ม ซี จำกัด (มหาชน) เพราะมีประสบการณ์จากการที่เข้าประมูลงานในประเทศแถบนั้นมาก่อนแล้ว
" งานต่างประเทศปีหน้าจะเป็นเหมือนเราเข้าไปหาตลอดและเรียนรู้ตลาดก่อน ไม่ได้หวังผลอย่างไร และงานวางท่อก๊าซยังเป็นงานหลักที่ทำรายได้ให้เราด้วย พร้อมกับลุยการทำทรีทเม้นท์น้ำทะเลเป็นน้ำจืด เพราะเรามีบริษัท ไฮโดรเทค ที่ทำธุรกิจนี้อยู่แล้ว เราก็จะพ่วงไปด้วย จากการนี้จะทำให้เราทำงานได้มากขึ้นในหลายส่วน " นายสมัยกล่าว
ปัจจุบัน TRC มีงานในมือ (BACK LOG) ประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท ซึ่งงานเหล่านี้เกือบ 80% จะรับรู้รายได้ในปี 51 เพราะเป็นการรับรู้รายได้จากงานเริ่มดำเนินการในปีนี้ ขณะที่ บริษัท จะพยายามจะเพิ่มกรอส มาร์จิ้นเพิ่มจากปีนี้ที่มีอยู่ 15 % เป็น 17-18% ซึ่งจะดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทปีหน้าเติบโตดังกล่าว พร้อมกับรักษา net profitmargin ที่ระดับ 8% ซึ่งสูงกว่าผู้รับเหมารายอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ ผลจากการที่บริษัทได้ทำการควบรวมกิจการกับ บริษัท สหการวิศวกร จำกัด หรือ ส่งผลดีต่อการดำเนินงานอย่างมาก ซึ่งบริษัทได้ปรับโครงสร้าง องค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และให้เกิด synergy ต่อกัน และต้องปรับวิธีกา รturn key เสนอลูกค้าทั้ง
แพคเกจ เพื่อ ดันมาร์จิ้นสูง ในภาวะที่การแข่งขันสูง
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของบริษัทปีนี้ มั่นใจว่าจะไม่ต่างไปจากเป้าหมาย ซึ่งน่าจะทำได้ประมาณ 1,500- 1,600 ล้านบาท จากการรับรู้งานในมือที่ได้รับมา พร้อมกับเล็งที่จะเข้าประมูลงานเพิ่มอีกเกือบ 3 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นงานวางท่อปิ
โตรเคมีให้กับ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) (PTT) ขณะที่ปีหน้าบริษัทก็จะเข้าประมูลงานเพิ่มอีกเกือบ 3 พันล้านบาท หรือเป็นการประมูลงานรวมเกือบ 6 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้งานประมาณ 2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ TRC ยังจะมีรายได้จากการเข้าบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์อีก ซึ่งเป็นการเข้าบริหารโครงการของ SKW อันจะทำให้มีรายได้เสริมเข้ามาอีกทางหนึ่ง
นายสมัยกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้รับการอนุมัติจากการกระทรวงพลังงาน เพื่อลงทุนดำเนินการผลิตไฟฟ้า SPP ขนาด 45 เมกกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท โดยบริษัทจะใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ TRC ต้องการให้เกิดขึ้น
" เราอยากทำ แต่เงินทุนก็ต้องมากโขสำหรับบริษัทเล็ก ๆ อย่างเรา แต่คงต้องหาพันธมิตรเข้ามา และต้องคุยกันในรายละเอียดด้วยว่าจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องลงทุนเองก็ได้ เปิดทางให้พันธมิตรดำเนินการ แต่ในส่วนของการดูแลระบบและการบริหารอื่น เราจะเป็นฝ่ายดำเนินการเอง ซึ่งมีหลายแนวทางที่จะปฎิบัติ " นายสมัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวยังมีเวลาอีกมาก เพราะให้เริ่มดำเนินการได้ภายในปี 20085 และต้องผ่านขบวนการขอความเห็นชอบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA ) ด้วย