xs
xsm
sm
md
lg

ล้วงตัวตน "สุวิทย์ ศิริเวช" ผู้ก่อตั้ง Mr.Fight Channel เวทีมวยดิบดวลเดือด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


Mr.Fight Channel หรือ สุวิทย์ ศิริเวช
ถ้าพูดถึงมวยนอกสังเวียนที่ดังและเป็นกระเเสมาพักใหญ่ๆ คงไม่มีใครไม่รู้จัก Mr.Fight Channel เวทีข้างถนนที่เปิดกว้างสำหรับคนที่ไม่ใช่นักมวยอาชีพหรือเเม้กระทั่งบางคนที่ไม่เป็นมวยมาชกกัน ซึ่งเพจมีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคนถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของการเดินทางของช่องนี้อย่างแท้จริง โดยคลิปเเต่ละไฟต์มียอดวิวมากว่า 1 เเสนครั้ง เเต่ละคู่ไม่ว่าจะอายุต่างกัน, น้ำหนักต่างกัน หรือคาใจอะไรกันก็สามารถใช้เวทีนี้ตัดสินได้ โดยมีกรรมการพอจบไฟต์แยกย้ายไม่มีติดใจกัน ทั้งหมดที่กล่าวมาเกิดจากผู้คิดริเริ่มคือ วิทย์ Mr.Fight Channel หรือ สุวิทย์ ศิริเวช

สุวิทย์ ศิริเวช ปัจจุบันอายุ 32 ปีเผยว่าเขาไม่ใช่คนที่คลุกคลีกับวงการมวยแต่ไหนแต่ไร เเค่ชอบดูมวยในทีวี หลังจากนั้นก็เริ่มมีนัดซ้อมมวยกับเพื่อนๆ หลังจากนั้นก็เคยไปต่อยตามรายการสตรีทไฟต์ เเต่ก่อนที่จะทำช่องไม่เคยรู้อะไรกับวงการมวย ไม่รู้ระบบ ไม่เคยเข้าไปปรึกษากับใคร

คนตามเพจ Mr.Fight Channel หลักล้าน
จุดเริ่มต้นของการให้คนมาสู้กันคือความคิดริเริ่มจากการจัดทำเพจเท่านั้น เพราะเขาเเละเพื่อนๆชอบออกกำลังกาย เลยอยากทำเพจไว้ลงคลิป เพื่อให้คนเข้ามาดู เเต่ปรากฏว่าได้รับความสนใจมีคนเข้ามาดูเยอะมาก เพราะความดุเดือด สะใจ มากกว่ามวยบนสังเวียน บวกกับสตอรี่หลากหลายของคนที่มาเจอกัน ทำให้เป็นที่ถูกใจของหลายคน จึงเริ่มเดินหน้าทำคอนเทนต์ท้าต่อยท้าชกไปเรื่อยๆ

ดังนั้น Mr.Fight Channel ถือเป็นเพจที่มาจากรากหญ้าก็ว่าได้ ไม่มีสปอนเซอร์ไม่มีเงินสนับสนุน สุวิทย์ เล่าว่าเขาเริ่มจากใช้มือถือเเค่เครื่องเดียวถ่ายจนถึงตอนนี้คนติดตามเป็นล้านก็ยังใช้มือถือถ่ายอยู่ เพราะสไตล์ของการเเข่งขันคือต้องการความเรียล ไม่มีกล้องใหญ่ ตัดต่อก็ใช้มือถือ พวกเขาเป็นยูทูบเบอร์สายมวยเจ้าเเรกๆ ที่คิดทำคอนเทนต์เเนวเดินสายท้าชกหรือบ้างครั้งก็เป็นฝ่ายโดนท้าเอง ทำไปเรื่อยๆ จนคนให้ความสนใจเรียกร้องให้ไปจัดมวยตามสถานที่อื่นๆ เขาก็ตอบรับหากไม่ติดขัดอะไร

ลงไปควบคุมการชกด้วยตนเอง
ระบบการเเข่งขันเเทบไม่มีอะไรซับซ้อน ใครคาใจกับใคร อยากชกกับใคร หลักๆ คือจะดูที่น้ำหนักตัว ถ้าได้ก็พร้อมจัดให้ชก หรือถ้าคู่ไหนน้ำหนักต่างกันมาก เเต่อยากจะไฟต์กันก็สามารถจัดให้ได้เเบบไม่มีปัญหา ส่วนผู้จะเข้าร่วมชก จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น รวมถึงไม่มีเงินมอบให้ อย่างถ้าจัดเเข่งไกล คนอยากชกก็ต้องเดินทางไปเอง นั้นคือต้นทุนที่พวกเขาต้องจ่าย เรื่องการฟิตซ้อมก็ต้องเตรียมตัวมาเองให้พร้อม จบก็อาจจะมีของที่ระลึกให้เล็กน้อย อย่างเสื้อหรือสติกเกอร์ เเต่สิ่งที่จะได้คือการออกช่อง Mr.Fight Channel ถ้าดุเดือดยอดวิวสูงๆ ก็จะเป็นกำไรของตัวผู้ชกเอง

อย่างไรก็ตามเเม้จะได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เเต่ก็มีดราม่าเช่น อย่างเรื่องการจัดเอาคนที่เป็นมวย มาชกกับคนไม่เป็นมวย เรื่องนี้ สุวิทย์ อธิบายว่า ต้องเข้าใจว่าตรงหน้าผากไม่ได้เขียนว่า 'กูเป็นมวย' หรือ 'กูไม่เป็นมวย' เราไม่มีทางรู้ว่าใครเป็นหรือไม่เป็น รายการของเราเน้นเอามันอยู่เเล้ว ถ้าคุณคิดว่ากล้าไหมก็จัดเลย เราพร้อมจัดให้"

เมื่อครั้งไปขึ้นเวที IDOL FIGHT
ส่วนประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า ถ้าอยากจะชกรายการนี้ต้องเป็นนักมวยที่มีสตอรี่หรือดราม่าในโลกโซเชียลก่อนไหมถึงจะมาชกได้ สุวิทย์ ยืนยันว่าไม่จำเป็นเพราะหลายคนมาตัวเปล่า เเต่สร้างสตอรี่ในรายการของเขาทั้งนั้น บางคนเข้ามาเราไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เเต่กลับออกไปได้รับความนิยม เพราะคนที่เข้ามาดูคลิปเพราะเขาต่อยสนุก ชกโหด นั้นคือเสน่ห์ของรายการ เเต่ถ้าเป็นคู่ที่มีดราม่ามาก็จะได้รับความสนใจมากกว่าหน่อย

เเต่การจะเข้ามาชกรายการนี้ ใช่ว่าจะสวยงาม โรยด้วยกลีบกุหลาบ ได้ชื่อเสียงกลับไปง่ายๆ เนื่องจากเป็นมวยนอกสังเวียน กฏกติกาอะไรก็ไม่เคร่งเหมือนรายการบนสังเวียน "เอามันล้วนๆ เอาสะใจ" นี้คือคำนิยามของศึก Mr.Fight Channel ก่อนการขึ้นชกจะมีสัญญาให้เซ็นยินยอมว่าหากมีปัญหา เสียชีวิตในการเเข่งขัน ไม่มีการรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น มันอาจจะดูโหดร้ายไปสักหน่อย เเต่ถ้ามองอีกเเง่ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ไม่มีใครบังคับให้ขึ้นชก เพราะฉะนั้นการชกรายการนี้ต้องใจพร้อม กายพร้อม เเละใจถึงจริงๆ

เดินสายเปิดเวทีมวยข้างถนนไปทั่วประเทศ
Mr.Fight Channel พอได้รับความนิยมติดลมบน เเต่งบประมาณในการจัดเเข่งขันเเต่ละครั้ง สุวิทย์ จะควักเงินของตัวเองมาจัดเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็อาจจะมีเจ้าของสถานที่ต่างๆ เชิญไปจัด กรณีนั้นก็จะเป็นฝ่ายนั้นออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็จะได้เรื่องของโปรโมทสถานที่ของตัวเองไป ส่วนรายได้หลักๆที่เข้ามาเพื่อนำมาจัดมวยก็มาจากคลิป จากยอดวิว ส่วนเพจเเทบไม่มีรายได้ เพราะไม่รับสปอนเซอร์ที่มาจากการพนันทั้งหมด ตั้งเเต่เริ่มทำเพจเเรกๆ เเม้จะออกมาดูเถื่อน เเต่ก็ไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฏหมาย

นอกเหนือจากความดิบ เถื่อน โหด จนบางครั้งคนมองว่ารายการ Mr.Fight Channel ดูไม่เหมาะสมหรือไม่ เเต่ถ้ามองในอีกเเง่ รายการนี้อาจจะเป็นการเฟ้นหานักมวยดาวรุ่ง หรือที่มีเเววไปปั้นต่อสู่เวทีใหญ่ระดับประเทศ เเถมยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ใครก็ได้มาวัดฝีมือกัน บางคนคาใจจริงๆ ก็มาชกกันเเล้วจบที่ตรงนี้ เเม้การใช้กำลังจะเเก้ปัญหาอะไรไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าการไปยกพวกตีกัน อยากมองให้เป็นกีฬามากกว่าการใช้กำลัง
กำลังโหลดความคิดเห็น