คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ ซีเนดีน ซีดาน (Zinédine Zidane) จะมาสวมตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนเช้สเต้อร์ ยูนายถิด (Manchester United) สโมสรยักษ์ใหญ่ของ อังกฤษ แทน อูเลอ กุนนาร โซลชาร (Ole Gunnar Solskjær) ที่เพิ่งโดนปลดไป ผมกำลังจะเตือนว่า ในฐานะโค้ชยอดฝีมือที่เริ่มต้นอาชีพมาจากความเป็นนักเตะดังทะลุโลก ความปรารถนาย่อมไม่เหมือนกับนักเตะง่อยๆที่ผันตัวเองมาเป็นโค้ชที่สโมสรไหนยื่นข้อเสนอมามีเงื่อนไขดีก็โดดเข้างับ
ซีซู ไม่เคยค้าแข้งกับสโมสรบนเกาะอังกฤษเลยแม้แต่วินาทีเดียว แล้วใครจะบ้าดันไปคุมทีมที่ตนไม่มีแฟนคลับคอยอุ้มชูเนื่องด้วยเกียรติที่เคยสั่งสมมา หากพลาดเพียงแค่ 2-3 เกมก็น่าจะโดนแฟนๆทั้งเมืองโห่ไล่อย่างไม่แยแส แล้วความยิ่งใหญ่ขนาดพา เรอัล มาดริด คว้าแช้มพ์ถ้วยใหญ่ของยุโรปถึง 3 สมัยซ้อนก็เสี่ยงที่จะป่นปี้ไปง่ายๆซะงั้น
ถ้าเป็น ดีดิเอ เดช็อง (Didier Deschamps) ก็ยังจะเหมาะซะกว่า เพราะอย่างน้อยหมอนี่ก็เคยค้าแข้งกับ เช็ลซี (Chelsea) ใน อังกฤษ เมื่อฤดูกาล 1999-2000 โดยมีแช้มพ์ เอ๊ฟเอ คัพ ติดมือมาซะด้วย ผมพูดถึง เดเด ก็เพราะตอนนี้หมอนี่เป็น เซเล็กซิอ๊อนเนอร (Sélectionneur) ของทีมชาติฝรั่งเศส นั่นคือตำแหน่งกุนซือทีมชาติที่ ฝรั่งเศส จะไม่เรียกว่า โค้ช หรือ ผู้ฝึกสอน แต่เขาจะเรียกว่า ผู้คัดเลือก เพราะถือว่า นักเตะแต่ละคนถูกฝึกมาจากแต่ละสโมสรแล้ว ตำแหน่งนี้จึงมีหน้าที่ในการคัดเลือกนักเตะจากสโมสรต่างๆมาร่วมทีมชาติและวางแผนการเล่น ทั้งนี้ ตำแหน่งดังกล่าวถูก ซีซู ประกาศจองคิวต่อจาก เดเด เอาไว้แล้ว
ทั้ง 2 คนเคยร่วมเล่นสโมสรเดียวกันที่ ยูเว็นตุ๊ส เดเด นั้นเริ่มเล่นตั้งแต่ฤดูกาล 1994-95 ถึง 1998-99 ส่วน ซีซู เพิ่งย้ายมา ยูเว่ ในฤดูกาล 1996-97 และอยู่จนถึงสิ้นฤดูกาล 2000-01 นอกจากนั้นทั้งคู่ก็ร่วมเล่นในทีมชาติและพา ฝรั่งเศส เป็นแช้มพ์โลกด้วยกันในปี 1998 เดเด ในฐานะกัปตันทีมได้ชูถ้วย ฟีฟ่า เวิร์ลด์ คัพ ในขณะที่ ซีซู ได้รางวัล บัลลง ดอร ตอนสิ้นปี ดังนั้นถ้าพูดถึงความสนิทสนมและมิตรภาพที่ทั้งคู่มีต่อกัน มันก็แน่อยู่แล้ว แต่ถ้าจะต้องให้ เดเด ลุกจากตำแหน่งกุนซือทีมชาติให้นั้น ไม่มีทางซะหรอก
เมื่อ ดีดิเอ เดช็อง เป็น เซเล็กซิอ็อนเนอร เขาพาทีมชาติ ฝรั่งเศส คว้าแช้มพ์โลกได้ในปี 2018 จึงกลายเป็นคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแช้มพ์โลกได้ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช ซึ่งอีก 2 คนก่อนหน้าเขาคือ มาริโอ ซากาโล (Mário Zagallo) จาก บราซิว และ ฟรั้นซ์ เบ็คเค็นบาวเออร์ (Franz Beckenbauer) แห่ง เจอรมานี
เขากำลังพยายามสร้างประวัติศาสตร์ให้เหนือกว่ามนุษย์คนอื่นด้วยการเป็นโค้ชคนที่ 2 ที่นำทีมชาติเป็นแช้มพ์โลกได้ 2 สมัยอีกด้วย ต่อจาก วิตตอริโอ ปตโซ (Vittorio Pozzo) ที่พา อิตาลี เป็นแช้มพ์โลกในปี 1934 และ 1938 และมาถึงตอนนี้ เดเด ก็พา เล เบลอ (Les Bleus) ผ่านเข้าสู่ รอบสุดท้าย ที่ กาตาร ในปีหน้าเรียบร้อยแล้วด้วย ดังนั้นการที่เขาจะวางมือจากทีมชาติแล้วหันกลับมาคุมสโมสรปล่อยที่นั่งในซุ้มม้านั่งข้างสนามให้ ซีซู ก็ต้องรอจนจบศึกบอลโลก 2022 โน่น
ซีเนดีน ซีดาน กวาดแช้มพ์มาหมดแล้ว ในฐานะนักเตะสโมสรนั้น เป็นแช้มพ์ลีกสูงสุดในประเทศ แช้มพ์ทวีปยุโรป และ แช้มพ์สโมสรโลก พาทีมชาติเป็นแช้มพ์ทวีปยุโรป และ แช้มพ์โลก ในฐานะโค้ชสโมสรก็ทำทีมได้แช้มพ์ลีกสูงสุดในประเทศ แช้มพ์ถ้วยใหญ่ทวีปยุโรป 3 สมัยซ้อน แถมแช้มพ์สโมสรโลกอีก 2 สมัย มันจะเหลือที่ยังเป็นเป้าหมายในชีวิตก็คือ การพาทีมชาติเป็นแช้มพ์โลกนั่นไง แล้วถ้าตำแหน่งดังกล่าวยังไม่ว่าง เขาก็ยินดีรั้งรอ อันนี้ไม่รีบ แต่ถ้ามีสโมสรขนาดยักษ์ เงินเยอะ มีนักเตะคุณภาพ มองเป้าใหญ่ คุยงานรู้เรื่อง แถมแฟนๆหมอบกราบให้ด้วย ผมก็ว่า ซีซู คงยินดีพิจารณาไปคุมทีมฆ่าเวลา สโมสรแบบฉบับดังกล่าวก็คือ ปารี แซ็ง-แชรแม็ง (Paris Saint-Germain)
เรื่องการคว้าแช้มพ์ ลีก เอิง (Ligue 1) ที่ เปแอ๊สเช กำลังนำโลดและอาจได้มาก่อนจบฤดูกาลเกือบ 10 นัดซะอีก ไม่ใช่ปัญหา แต่มันอยู่ที่ ถ้วย ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ทุกคนเฝ้ารอต่างหาก เมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนนั้นขยับเข้าใกล้แล้ว แต่ก็วืดจนได้ ผมว่าทันทีที่หมดโอกาสคว้าแช้มพ์ยุโรปอย่างเด็ดขาดในฤดูกาลนี้ เมารีซิโอ โปเช้ตตีโน (Mauricio Pochettino) โค้ชของ เปแอ๊สเช ที่มีชื่อเป็นตัวเลือกของ แมนยู กับเขาด้วย แถมยังเคยคุมทีมใน อังกฤษ มาแล้ว ซึ่งคงกำลังรู้สึกอึดอัดกับแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาก็น่าจะตัดสินใจไม่ยาก ทำให้ ซีซู อาจได้งานฆ่าเวลาครับ