xs
xsm
sm
md
lg

สับสนวุ่นวายดีนัก! ขอเป็นลมแป๊บเดี๋ยวมา / พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”

วันนี้อาหารเช้าบ้านคุณชูสง่าเป็นข้าวต้มเครื่อง "วันนี้เจี๊ยม้วยกันนะกำลังร้อนๆ น่ากิน" เฮียชูเชื้อชวนลูกก๊วน "ทำไมเป็นข้าวต้มล่ะครับเฮียวันนี้" เจ้าเก่งประหลาดใจ "ก็เมื่อเช้าเฮียหน้ามืดเกือบเป็นลมเพราะเบ่งแรงไปหน่อยท้องผูกมา 2 วันแล้ว" "อ๋อนึกว่าเฮียไปเบ่งกับใครมา" เจ้าเก่งอดทะเล้นไม่ได้ "วอนซะละมึงไอ้อ้วนเดี๋ยวปั๊ด" เฮียชูแจกไป 1 ดอกเบาๆ ก่อนอาหาร

- สาเหตุที่พบบ่อยของ "อาการหน้ามืดเป็นลม"

อาการหน้ามืด ตาพร่า ค่อยๆ ดำมืด จนมองอะไรไม่เห็น เหงื่อออก มือเย็น ใจเต้นรัว ไม่มีแรง ไปจนถึงล้มพับไปไม่ได้สติ อาการเหล่านี้มีสาเหตุแตกต่างกัน แต่ที่พบได้บ่อยๆ มีอยู่ 7 สาเหตุดังนี้

1.เป็นลมธรรมดา เป็นสาเหตุที่พบได้มากที่สุด เกิดจากร่างกายอ่อนแอ เพิ่งฟื้นไข้ อดนอน หิวข้าว หิวน้ำ อดอาหาร อยู่ในที่ร้อนอบอ้าวหรือแออัด ไปจนถึงจิตใจอ่อนแอ เช่น เครียด วิตกกังวล หงุดหงิด โกรธหรือหวาดกลัว อาการที่พบ หัวใจเต้นช้าลง ความดันโลหิตตก ผู้ป่วยไม่มีสติในระยะสั้นๆ เมื่อได้นอนราบจะค่อยๆ ฟื้นภายใน 5-10 นาที แต่อาจจะมีอาการมึนงง อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ไม่มีแรง อยู่อีก 1-2 ชั่วโมงหรือนานกว่านี้อีกเล็กน้อย การป้องกัน รักษาสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่อยู่ในที่ร้อนอบอ้าว ไม่อดข้าว อดน้ำ หรือ อดหลับอดนอน หากมีอาการมึนหัว ใจสั่น ใจเต้นเร็ว เหงื่อแตก มือเย็น ให้รีบหาที่นั่งพัก หรือนอนราบ ก่อนที่จะเป็นลมหมดสติ เพราะจะฟื้นตัวได้เร็วกว่ามาก

2.เป็นลมเมื่อเปลี่ยนท่า มีอาการเป็นลมเมื่อเปลี่ยนท่านั่งหรือท่ายืน โดยเฉพาะหากนั่งหรือนอนอยู่แล้วลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว หรือเกิดจากการยืนอยู่เฉยๆ นานๆ มักเกิดกับผู้สูงอายุ ผู้กินยาลดความดันโลหิต คนที่มีปริมาณเลือดหรือน้ำในร่างกายพร่องลง เช่น คนที่มีอาการตกเลือด มีอาการท้องเดินมากๆ หรือระบบประสาทผิดปกติ การป้องกัน คือค่อยๆ เปลี่ยนท่านั่ง ท่ายืน ลุกขึ้นจากเตียงและเก้าอี้อย่างช้าๆ หรือตอนที่ลุกจากที่นอนให้นั่งก่อนสักพักค่อยลุกจาเตียง ขณะเปลี่ยนท่าอย่างช้าๆ ให้เกาะสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่น หัวเตียงก่อนลุก นอกจากนี้แนะนำให้บริหารขา โดยการยืนการเดินหรือย่อตัว วันละหลายๆ ครั้งๆ ละหลายนาที

3.เป็นลมเพราะเบ่ง จะมีอาการหน้ามืดเป็นลม เพราะกลั้นหายใจและเบ่งมากเกินไป เช่น เบ่งอุจจาระเมื่อท้องผูกมากๆ ยกของหนักๆ หรือผลักดันของหนักๆ ให้เคลื่อนที่ การเบ่งทำให้เลือดเข้าสู่หัวใจน้อยลง เพราะต้องกลั้นหายใจแล้วเบ่งทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายและสมองน้องลง จึงไม่ควรเบ่งแรงเกินไป

4.เป็นลมเพราะไอ เกิดจากการไอติดต่อกันนานๆ เช่น ผู้ป่วยโรคไอกรน (พบมากในเด็ก) โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง หรือโรคถุงลมโป่งพองที่มาจากการสูบบุหรี่ โดยการไอหนักๆ ติดๆ กันทำให้ต้องกลั้นหายใจและหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายและสมองไม่เพียงพอ เช่นเดียวกับการเบ่ง ดังนั้นถ้าเป็นโรคที่มีอาการไอควรรีบรักษาอย่าปล่อยทิ้งไว้นาน

5.เป็นลมจากอารมณ์ มีทั้งเป็นลมจากอารมณ์เสียใจ ตกใจ โกรธ เครียด หรือหวาดกลัว รวมถึงเป็นลมจากอุปทาน จากการผิดหวังอย่างรุนแรง หรือรู้สึกถูกทอดทิ้ง นอกจากนั้นยังพบอาการอื่นๆ เช่น ชัก ปวดศีรษะรุนแรง ปวดท้องรุนแรง เป็นต้น ป้องกันโดยแก้ไขสาเหตุให้เบาบางลง ไม่ดุด่าหรือว่าคนที่เป็นลม เพราะจริงๆ แล้วไม่ได้แกล้ง แต่ความผิดหวังถูกเปลี่ยนเป็นอาการทางกาย ดังนั้นควรทำความเข้าใจจะได้ไม่เป็นอีก

6.เป็นลมเพราะหัวใจ หัวใจทำงานผิดปกติ เช่น หัวใจเต้นผิดปกติ ช้าหรือเร็วเกินไป รวมทั้งลิ้นหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หลอดเลือดปอดถูกอุด

7.เป็นลมเพราะสมองหรือระบบประสาท เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคลมชัก ป้องกันโดยรักษาโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับระบบประสาทให้ดี


กำลังโหลดความคิดเห็น