คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
4 ปีที่ผ่านไป รวดเร็วเหมือนโกหก ถึงเวลาชาวอเมริกันต้องเลือกตั้งประธานาธิบดี วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน กับ โจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ซึ่งกำลังอยู่ในความสนใจของทุกๆ คน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา ย่อมส่งผลต่อการกำหนดนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ
พิจารณาตามเรตติงดูเหมือนว่า ไบเดน น่าจะชนะการเลือกตั้งแบบขาดลอย เพราะนับตั้งแต่ ทรัมป์ นั่งเก้าอี้ประมุขตั้งแต่ปี 2016 แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวที่เข้าตากรรมการสุดๆ คือ การป้องกัน โควิด-19 จวบจนทุกวันนี้ สหรัฐอเมริกา ยังครองแชมป์ผู้ติดเชื้อสูงสุดของโลก มากกว่า 8.5 ล้านคน และเสียชีวิตราว 220,000 คน และการกระทำรุนแรงต่อคนผิวสี เกิดการประท้วงภายใต้แคมเปญ “Black Lives Matter” ดังที่เราเห็นฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ยังคงคุกเข่าแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านเหยียดผิว
นอกเหนือจากความไม่เอาไหนด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ทรัมป์ ยังแสดงพฤติกรรมไร้มารยาทต่อสายตาชาวโลก พูดสอดแทรกรบกวนขณะ ไบเดน กำลังแสดงวิสัยทัศน์ ได้รับการขนานนามว่า “Shit Debate” สะท้อนให้เห็นถึงคำพูดของ แมรี แอนน์ ทรัมป์ มารดาของ โดนัลด์ ซึ่งถูก จอห์น บาร์นส ปีกระดับตำนาน ลิเวอร์พูล นำมาโพสต์ทางโซเชียล มีเดีย “ใช่ เขาคือคนน่ารังเกียจ ขาดสามัญสำนึก และทักษะด้านสังคม แต่เขาคือลูกชายของฉัน ฉันแค่หวังว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง มิฉะนั้นเขาจะเป็นตัวหายนะ” น่าเสียดายตอน “ปีกนิลกาฬ” แชร์ภาพดังกล่าว กลับถูกแถบรูปลามกอนาจารแย่งซีนจนลบทิ้งแทบไม่ทัน
หลังจาก ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเหนือ ฮิลลารี คลินตัน เมื่อปี 2016 ซูเปอร์สตาร์ของ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ต่างแสดงท่าทีต่อต้าน สารภาพตามตรงเลยว่า ตั้งแต่ผมเริ่มทำมาหากินงานสื่อมวลชนราว 8 ปี หรือสมัยยังเป็นแค่วัยรุ่นยุค 90 คอยเสพข่าวกีฬาจากหนังสือพิมพ์ หรือเว็บไซต์ ยังไม่เคยเห็นขุนพลชุดแชมป์ NBA หรือ ซูเปอร์โบว์ล ประกาศตัวชัดเจนว่า จะไม่ขอเหยียบทำเนียบขาวมาก่อนเลย
ท่าทีเหล่านี้ของเหล่านักกีฬาระดับ NBA และอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) พอจะสื่อความหมายทางอ้อมว่า พวกเขาไม่เอาด้วยกับผู้นำที่มีชื่อว่า โดนัลด์ ทรัมป์ และความรู้สึกต่อต้าน เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ก่อนลีกกีฬาอาชีพปิดตัวชั่วคราว เนื่องจาก โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ระบาด เนื่องจากเหตุการณ์ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีปราศจากอาวุธ ถูกกดคอจนขาดใจตาย และ จาค็อบ เบลก ชายผิวสีอีกคนหนึ่ง ถูกกระหน่ำยิงด้านหลัง 7 นัด ต่อหน้าต่อตาลูกๆ ซึ่งซูเปอร์สตาร์ NBA อย่าง ยานนิส อันเตโตคุมโป เจ้าของรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) 2 สมัย และ เลอบรอน เจมส์ ฟอร์เวิร์ด แอลเอ เลเกอร์ส ต่างแสดงจุดยืนต่อต้านการกระทำอันเกินกว่าเหตุของตำรวจ
ด้วยเหตุนี้ขณะ NBA กลับมาแข่งต่อฤดูกาล 2019-20 ภายใน “บับเบิล” ที่ดิสนีย์ เวิลด์ “คิงเจมส์” ก่อตั้งโครงการ “More Than A Vote” เพื่อรณรงค์ยุติการกดขี่ข่มเหง คนผิวสีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งมีอาสาสมัครมากกว่า 10,000 คน ในเขตเลือกตั้งส่วนใหญ่ของคนผิวสี เปรียบเสมือน เลอบรอน กำลังเปิดศึกเพื่อโค่นอำนาจของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประมุขคนที่ 45 ก็ว่าได้ แถมแฟนๆ กีฬายัดห่วงก็น่าจะทราบจุดยืนของ เลอบรอน เป็นอย่างดี จากภาพข่าวที่เข้าร่วมสนับสนุน คลินตัน เมื่อปี 2016
มองบ้านเขาแล้ว ก็ขอทิ้งท้ายด้วยสถานการณ์บ้านเราสักนิด ลุงคนหนึ่งที่กุมอำนาจบริหารประเทศ ดูๆ ไปก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนบ้าๆ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะวุฒิภาวะทางอารมณ์ คอยตวาดเวลาเจอคนถามไม่ถูกใจ ความจริงบทบาทของผู้นำประเทศ ใช่ว่าสั่งอะไร หรือกำหนดนโยบายใดๆ จะไม่มีสิทธิ์ถูกตั้งข้อสงสัยเหมือนการทำงานในกรมสีเขียว อยู่มานาน 6 ปีแล้ว ยังไม่รู้สี่รู้แปดอีกหรือว่า คนเป็นผู้นำจะต้องมีความเด็ดขาด และความสง่างาม ไอ้การตวาดกดขี่ผู้น้อย มันใช้ได้เฉพาะเขตทหารเท่านั้น ถ้า FC ลุง จะพาทัวร์มาลง ก็ยินดีต้อนรับครับ เพราะอย่างน้อย เวลามีฟีดแบ็ก ก็แสดงว่า สิ่งที่เราทำอยู่มีคนติดตาม เชิญเลยครับ