xs
xsm
sm
md
lg

100วันก่อนเลือกตั้ง‘ทรัมป์’คะแนนนิยมย่ำแย่ ไร้ฝีมือต่อสู้‘โควิด’ แต่ยังหวัง ‘พลังเงียบ’ดันให้ชนะ‘ไบเดน’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เดินทางกลับมาถึงทำเนียบขาว โดยเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่ง เมื่อวันอาทิตย์ (26 ก.ค.) ภายหลังเดินทางไปพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ที่กอล์ฟคลับของเขาในเมืองเมดมินสเตอร์ รับนิวเจอร์ซีย์  ทั้งนี้คะแนนนิยมของทรัมป์กำลังย่ำแย่ ขณะย่างเข้าระยะ 100 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายน
เอเอฟพี – “ทรัมป์”ปล่อยแคมเปญกู้คะแนนนิยมที่จมดิ่งในช่วง 100 วันสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายน วาดหวัง“เสียงส่วนใหญ่ที่เป็นพลังเงียบ”ประเคนชัยชนะให้ พร้อมโจมตี “โพลและข่าวปลอม”ไม่มีทางปกป้อง“ไบเดน” ซึ่งเขาพยายามโจมตีละเลงสีใส่ให้เป็นพวกซ้ายสุดโต่ง

ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 100 วันก่อนถึงวันหย่อนบัตรลงคะแนน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีวัย 74 ปีจากพรรครีพับลิกัน ต้องเผชิญศึกหลายด้านตั้งแต่เสียงวิจารณ์ที่ดังเซ็งแซ่ขึ้นเรื่องการจัดการวิกฤตโรคระบาดผิดพลาดและผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ แถมยังไม่สามารถปล่อยหมัดเด็ดใส่โจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตวัย 77 ปี โดยโพลที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ (26 ก.ค.) ระบุว่า ทรัมป์ตกเป็นรองอดีตประธานาธิบดีไบเดน ทั้งในเรื่องคะแนนเสียงทั่วประเทศ และในมลรัฐ 3 รัฐ ที่ถือเป็นสมรภูมิสำคัญ

ทรัมป์ยังคงทวิตในวันเดียวกันนั้น ด้วยข้อความว่า “ทีมแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ กระตือรือร้นมากกว่าการหาเสียงครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์ แม้กระทั่งเมื่อปี 2016 ก็ตาม”

นอกจากนี้ทวิตของประมุขทำเนียบขาวยังบอกด้วยว่า เสียงส่วนใหญ่ที่เป็นพลังเงียบจะออกมาแสดงพลังในวันที่ 3 พฤศจิกายน รวมทั้งกล่าวหาว่า โพลและข่าวปลอมไม่มีทางปกป้องไบเดนซึ่งเป็นพวกซ้ายสุดโต่งได้ พร้อมชักชวนประชาชนร่วมกำหนดเส้นทางใหม่ให้อเมริกาในช่วง 100 วันที่เหลืออยู่ก่อนวันเลือกตั้ง

อย่างไรก็ดี จากการที่เวลานี้ไวรัสโคโรนากำลังคร่าชีวิตอเมริกันชนวันละกว่า 1,000 คน ทรัมป์ซึ่งกระชุ่มกระชวยและกระตือรือร้นที่สุดเมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุน ก็ถูกบีบให้ยกเลิกการจัดปราศรัยหาเสียง และกระทั่งการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันที่กำหนดมีขึ้นเดือนหน้าที่รัฐฟลอริดา

โรคระบาดที่มีคนอเมริกันติดเชื้อแล้ว 4.2 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบ 150,000 คน ยังกำลังกัดกินเศรษฐกิจอเมริกา และขณะที่ชาติทางยุโรปกับเอเชียสามารถควบคุมการระบาดได้เป็นส่วนใหญ่ สถานการณ์ในอเมริกาขณะนี้จึงกลายเป็นการตอกย้ำชัดเจนถึงความผิดพลาดในการรับมือของคณะบริหารทรัมป์

ทรัมป์ยังสูญเสียคะแนนสนับสนุนจากวิธีการในการจัดการรับมือการลุกฮือครั้งประวัติศาสตร์เพื่อต่อต้านลัทธิเหยียดผิวและการใช้ความรุนแรงของตำรวจ และทำให้ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศรู้สึกคลั่งแค้น ด้วยการใช้ถ้อยคำยั่วยุและการประกาศ “เพิ่ม” เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางอย่างพุ่งพรวด เพื่อเข้าจัดการสถานการณ์การประท้วงในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ถึงแม้พวกฝ่ายบริหารในท้องถิ่นคัดค้าน

หลักฐานชัดเจนที่สุดที่ฟ้องความผิดพลาดของแผนการรณรงค์หาเสียงเพื่อกลับสู่ทำเนียบขาวอีกครั้งของเขา น่าจะที่ทรัมป์ต้องสั่งปลดแบรด ปาร์สเกล ผู้จัดการทีมรณรงค์หาเสียง ออกไปเมื่อเร็วๆ นี้

นอกจากมีคะแนนนิยมต่ำกว่า 40% แล้ว ทรัมป์ยังเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ลงเลือกตั้งรอบสองภายหลังถูกรัฐสภาดำเนินการสอบสวนเพื่อปลดออกจากตำแหน่ง

(ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2020) ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โบกธงก่อนหน้างานปราศรัยหาเสียงของทรัมป์ในเมืองทัลซา รัฐโอคลาโฮมา จะเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน  ทั้งนี้ทรัมป์เคยวาดหวังว่าจะสามารถจัดปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งได้ใหม่ ภายหลังประเทศเลิกมาตรการล็อกดาวน์  ทว่าการที่โรคโควิด-19กลับยังคงระบาดหนักขึ้น ทำให้เขาจำใจยกเลิกแผนการนี้
ทรัมป์พยายามสร้างภาพว่า ไบเดนจะสร้างความวุ่นวายเพราะต้องการล้มล้างวิถีชีวิตของคนอเมริกัน และทำให้เมืองต่างๆ ของอเมริกากลายเป็นแดนมิคสัญญีที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม อย่างไรก็ดี ดูเหมือนเขายังไม่อาจโน้มน้าวให้คนกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีของเขาเชื่อว่า ไบเดนจะทำให้คนอเมริกันต้องอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวต่อม็อบปีกซ้ายสุดโต่ง

ในวันอาทิตย์เช่นกัน ทรัมป์ทวิตซ้ำว่า การเลือกตั้งลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์จะเอื้อให้มีการโกงการเลือกตั้ง แม้ไม่มีหลักฐานว่าเคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในการลงคะแนนเลือกตั้งทางไปรษณีย์ในสหรัฐฯก่อนหน้านี้ หรือมีปัจจัยจะทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนี้

เวลาเดียวกัน ผลสำรวจครั้งใหม่ๆ ของหลายสำนักจากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่ลงทะเบียนใน 3 รัฐสำคัญที่ยังไม่ปักใจเลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่งนั้น พบว่า ทรัมป์ถูกไบเดนทิ้งห่างอย่างน่าเป็นห่วง

รัฐแรกคือฟลอริดาที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันได้คะแนน 46% ส่วนไบเดนได้ 51% ขณะที่แอริโซนานั้น ไบเดนนำอยู่ 4 จุด โดยทรัมป์ได้ 49% โดยเฉพาะที่รัฐมิชิแกน ไบเดนมีคะแนน 52% ต่อ 40% ของทรัมป์ สูงยิ่งกว่าผลสำรวจเฉลี่ยทั่วประเทศของ รีลเคลียร์โพลิติกส์ เมื่อเร็วๆ นี้ที่พบว่า อดีตรองประธานาธิบดีนำอยู่ 8.7%

ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งปี 2016 ทรัมป์กวาดชัยชนะในทั้ง 3 รัฐดังกล่าว แม้ชนะในมิชิแกนไม่เกิน 11,000 เสียงก็ตาม แต่ก็ทำให้ได้เสียงของคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมดในรัฐนี้ไป

ทางด้านไบเดน ยังคงใช้วิธีจัดการแคมเปญหาเสียงจากรัฐเดลาแวร์ที่เป็นบ้านเกิด โดยงดการทำกิจกรรมสด ลดการแถลงข่าว และนั่งดูทรัมป์ทำพลาดพาตัวเองถลำเข้าสู่ปัญหาลึกลงทุกที

อย่างไรก็ดี ทรัมป์เตือนพวกที่ประมาทตนเองโดยอ้างอิงโพลในปี 2016 ที่เขามีคะแนนต่ำต้อยเป็นฝ่ายตามหลังมาตลอด แต่สุดท้ายกลับเอาชนะแคนดิเดตทั้งหมดจนได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน รวมทั้งในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็คว่ำตัวเก็งและคู่แข่งสำคัญจากพรรคเดโมแครตคือ ฮิลลารี คลินตัน ได้สำเร็จ

แลร์รี โฮแกน ผู้ว่าการรัฐแมริแลนด์สังกัดพรรครีพับลิกันที่ไม่ได้โหวตให้ทรัมป์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว และถูกมองว่า อาจเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ว่า เขาคงไม่ประกาศรับรองทรัมป์ในการเลือกตั้งครั้งนี้อีกเช่นเคย แต่สำทับว่าน่าจะมีคนอเมริกันอีกมากมายที่ไม่พอใจความแตกแยกและความไร้ประสิทธิภาพของทั้งสองพรรค และมีความคิดเหมือนกันกับตน นั่นคือไม่รู้สึกว่ามีผู้สมัครคนไหนน่าเลือก
กำลังโหลดความคิดเห็น