คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ถ้าคิดว่าแผ่นดินเป็นของประชาชน มันก็ไม่ควรมีใครทำกร่างใช้กำลังยึดอำนาจการบริหารประเทศเป็นของตนเอง และประชาชนก็ไม่ต้องการรัฐบาลแห่งชาติหรือนายกรัฐมนตรีคนกลางทั้งสิ้น คนรุ่นเก่าๆที่หัวคิดคร่ำครึ โบราณ เวลาไปไหนมาไหนก็แทบจะต้องถือถุงฉี่ไปด้วยอยู่แล้ว อีกทั้งทรัพย์สินที่มีมากล้นก็ใช่ว่าจะได้มาอย่างสุจริต แม้คำนวณรายได้กี่ชาติก็เห็นได้ว่า ล้วนกอบโกยฉ้อฉลมาทั้งสิ้น พวกเหล่านี้ไม่ควรอยู่กัดแทะประเทศจนผุพังอีกต่อไป ต้องยอมปล่อยให้คนรุ่นใหม่เข้ามากำหนดอนาคตและดูแลประเทศของพวกเขา เอ็งควรถอยออกไปเอง ดีกว่ารอให้ใครมาเสยจนร่วงตกจากเก้าอี้ ซึ่งหากยังยื้อขนาดนั้น คงมีคนไม่พอใจขุดรื้อเรื่องราวทุจริตและตามยึดทรัพย์ถึงลูกหลาน
พิษภัยจาก โคโรนาวายรัส ทำเอา สมาคมกีฬาฟุตบอล สะดุดหัวทิ่ม ต้องหาทางแก้ปัญหาเรื่องการแข่งขัน การถ่ายทอด และเรื่องเงินจากสป็อนเซ่อร์ที่ขาดมือจนแทบกระอัก เพราะที่ผ่านมานั้นการแข่งขันไม่เกิดขึ้น แล้วจะไปเอาเงินจาก ทรู วิเชิ่นส์ เจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันได้อย่างไรกัน นอกจากนั้น ตัดสินใจขยายระยะเวลาการเตะของฤดูกาลนี้ไปจนถึงกลางปีหน้าโน่น โดยที่ยังไม่ได้หารือกับโทรทัศน์ให้ได้ข้อสรุปเสียก่อน เพราะเขาก็ต้องจัดผังของช่องด้วย มันจึงยุ่งเหยิงจนกลายเป็นเรื่องขัดแย้งกัน หลังสุดสรุปปิดฤดูกาลนี้ในวันที่ 3 เมษายน 2021 โดยสัญญากับ ทรู วิเชิ่นส์ ก็จะสิ้นสุดวันที่ 26 ตุลาคมนี้ หลังจากนั้น ต้องให้ช่องอื่นช่วยรับหน้าที่ไป
เรื่องการขาดเงินลุกลามไปถึงการประกาศยกเลิกการใช้ วีดิโอช่วยตัดสิน (Video Assistant Referee - VAR) เพื่อตัดภาระค่าใช้จ่าย โดยของเดิมบริษัทเจ้ากรรมคิดค่าใช้จ่ายนัดละไม่เกิน 60,000 บาท แต่เกิดมาโก่งราคาเป็นนัดละ 82,000 บาท และทั้งประเทศยังดันมีแค่ 4 เครื่องเท่านั้น แถมบุคลากรที่นำมาฝึกและทบทวนการใช้งาน VAR ก็มีผู้ตัดสินที่ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ในห้อง VAR จาก คณะกรรมการสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศ (International Football Association Board - IFAB) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการกำหนดกติกาการแข่งขันฟุตบอลนั้นก็มีเพียง 48 คน เป็นผู้ตัดสิน 24 คน และผู้ช่วยผู้ตัดสินอีก 24 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ตัดสินในสนามด้วยนะครับ เอาเป็นว่าถ้าต้องแข่งขันเกินวันละ 4 คู่ ก็ไม่น่าจะมีอุปกรณ์และบุคลากรสำหรับการใช้ VAR เพียงพอ
สมาคมฯ จึงออกประกาศกลับไปกลับมาหลายหน จะงดใช้บ้าง จะใช้เพียงนัดสำคัญเท่านั้นบ้าง แล้วหากใครอยากใช้และยินดีออกค่าใช้จ่ายเองก็ได้บ้าง เล่นเอามึนหัวกันไปหมด ทำให้ 3 สโมสรใหญ่ต้องออกมาโวยเพื่อให้มีการใช้ VAR ทุกสนาม ไม่ว่าจะเป็นทีมเล็กหรือทีมใหญ่ ล่าสุด เรื่องการใช้ VAR เริ่มเข้าที่เข้าทาง โดยมีสป็อนเซ่อร์รายใหญ่บางรายกลับมาชำระเงินแล้ว ทำให้สมาคมฯ เริ่มมีเงินในมือเป็นค่าใช้จ่ายบ้างแล้ว
แต่แล้วมันดันมีเรื่องใหญ่กว่าเกิดขึ้นอีกกลายเป็น จุดสลบ จุดตาย คือ เรื่องที่ หัวขบวน เข้าไปเกี่ยวข้องเต็มๆกับการช่วยบิดผันคดีที่ลูกชายตระกูลเครื่องดื่มชูกำลังเมาเหล้าเมายาขับรถชนตำรวจตายแล้วหลบนี โดยทางพ่อแม่ก็พยายามอำพรางคดีอย่างสุดฤทธิ์ เอาจนมีคำสั่งไม่ฟ้อง บางข้อหาหมดอายุความ เกิดความสงสัยในหมู่ประชาชนอย่างแรง จนเกิดมี คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา และเชิญ ลูกกบ ไปให้ข้อมูลนั้น ซึ่งแกก็ยิ้มร่าหลังเข้าให้ข้อมูลพร้อมแสดงหลักฐานว่า ตอนนั้นตนไปต่างประเทศ และที่ไม่ได้รีบออกมาชี้แจงตั้งแต่แรกก็เพราะ อยากรู้ว่าใครคือเพื่อนแท้ที่เข้ามาให้กำลังใจช่วยเหลือ และใครคือคนที่รอซ้ำเติมทำร้าย
เมื่อได้ฟังการให้ข้อมูลดังกล่าว ผมก็เชื่อในความบริสุทธิ์ แม้จะคิดสงสัยบ้างว่า ถ้าจะมีส่วนบิดผันคดี มันไม่จำเป็นต้องสุมหัววางแผนกันวันนั้นก็ได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการเผยแพร่บทสนทนาจากการถอดข้อความเท้ปบันทึกเสียง “อัยการ-บิ๊กตำรวจ” ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถแฟรรารี่ของลูกชายตระกูลเครื่องดื่มชูกำลัง มันชี้ชัดว่า ลูกกบ เกี่ยวข้องอย่างร้ายกาจทีเดียว
ยิ่งเมื่อวันก่อนมีข่าวเรื่องเพื่อนร่วมทีมงานของ ลูกกบ ขอลาออกบ้างแล้ว อันนี้ ลูกพี่คงสั่งมาว่า ร่วมงานกับทางนี้ไม่เหมาะเสียแล้ว ทำให้พอมองเห็นความล่มสลายจนอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ใครที่ทำทุจริตอะไรไว้ ตั้งแต่เวลาไหนก็ตาม เมื่อน้ำลด ตอมันก็ผุดโผล่มาให้เห็น ใครก็คงเลือกอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนแท้กันไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้น สังคม ประเทศชาติจะอยู่ได้อย่างไร คอลัมน์วันนี้ มีคนแนะให้ผมเขียนเปิดทางก่อน น้องๆสื่อมวลชนคนอื่นๆจะได้ไม่ต้องมัวเกรงใจครับ