กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ถูกจับมาถกเถียงกันในวงการฟุตบอลไทยช่วงที่ผ่านมา เรื่องของเทคโนโลยีวิดีโอช่วยผู้ตัดสิน หรือ VAR ที่ตอนนี้ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ว่าจะเอาอย่างไร
ก่อนหน้านี้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เคยออกมาประกาศว่าศึกฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2020/21 ที่จะคัมแบ็คกลับมาฟาดแข้งในวันที่ 12 กันยายนนี้ อาจไม่สามารถใช้เทคโนโลยี VAR ได้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่องบประมาณของทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการ
แต่อีกไม่กี่วันต่อมา สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประกาศว่าอาจพิจารณาใช้ VAR เฉพาะเกมที่สำคัญ อย่างเช่นบิ๊กแมตช์ในไทยลีก หรือเกมในรอบลึกๆของฟุตบอลถ้วย เท่านั้นยังไม่พอ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็พลิกลิ้นอีกครั้งด้วยการประกาศว่าอาจพิจารณาใช้ VAR ให้แก่ทีมที่อยากจะใช้งาน แต่ต้องออกค่าใช้จ่ายเองเป็นจำนวนเงิน 82,000 บาทต่อเกม สร้างความมึนงงให้กับบรรดาสโมสรสมาชิกเป็นอย่างมากถึงการแถลงข่าวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต่อกรณีการใช้งาน VAR
เรื่องร้อนถึง 3 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลไทย นำโดย "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายใหญ่การท่าเรือ เอฟซี, "บิ๊กป๊อก" วิลักษณ์ โหลทอง ประธานสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และขจร เจียรวนนท์ หัวเรือทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ต้องมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวตั้งคำถามถึงการทำงานของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต่อเรื่องการใช้งาน VAR ที่ดูเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าที่ควร
"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานทีม "สิงห์เจ้าท่า" กลายเป็นหัวเรือใหญ่ของเรื่องนี้ ประกาศต่อหน้าสื่อมวลชนพร้อมยกเงินสปอนเซอร์ของบริษัทตัวเอง จำนวน 16 ล้านบาท เพื่อให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ นำไปบริหารจัดการเรื่อง VAR โดยเฉพาะ ซึ่งที่จริงแล้วเงินก้อนนี้เป็นเงินที่บริษัท เมืองไทยประกันภัย จ่ายให้กับสมาคมฯ เพื่อนำไปใช้จ่ายแก่ทีมฟุตบอลหญิง ทีมชาติไทย และเมื่อปีนี้ "ชบาแก้ว" ไม่มีโปรแกรมการแข่งขันรายการใดๆ เลย "มาดามแป้ง" มีสิทธิที่จะไม่ต้องจ่ายเงินก้อนนี้ก็ได้ แต่เธอเลือกที่จะยังคงสนับสนุนเงินก้อนนี้อเพื่อให้สมาคมฯ นำไปใช้บริหารจัดการ VAR ให้แก่ทุกทีมได้ใช้งานอย่างเท่าเทียมกันที่สุด
หลังการตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพียงวันเดียวของ 3 ทีมยักษ์ใหญ่ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ตอบกลับ "มาดามแป้ง" ทันทีว่า "เงินจำนวน 16 ล้านบาทดังกล่าวนั้น สมาคมฯ ไม่สามารถนำมาใช้จ่ายในส่วนของ VAR ได้ เพราะเป็นเงินคนละส่วนกัน ต้องเป็นเงินที่ไม่เกี่ยวกับการสนับสนุนทีมชาติ โดยอ้างเหตุผลว่าแต่ละปีสมาคมฯ จะต้องชี้แจงให้ได้ว่าเอาเงินไปใช้งานในด้านใดบ้าง และการเอาเงินเพื่อสนับสนุนทีมฟุตบอลหญิงมาใช้ในส่วนอื่นยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง"
แน่นอนว่าจากการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทำให้เกิดเสียงวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง ถ้าตัดเงินจำนวน 16 ล้านบาทของมาดามแป้งออกไป หลายฝ่ายก็ตั้งข้อสงสัยว่างบประมาณที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้รับแต่ละปี นำไปใช้จ่ายส่วนใดบ้าง ทำไมจึงไม่มีเงินเหลือมาใช้ในส่วนของ VAR ที่ตกปีละประมาณเกือบ 20 ล้านบาทเลย
สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ลงทุนในเทคโนโลยี VAR ไปแล้วราว 100 ล้านบาท ทั้งการลงทุนซื้ออุปกรณ์, การเตรียมพร้อมเรื่องสถานที่ รวมไปถึงค่าจ้างผู้ตัดสิน VAR แต่ทำไมค่าใช้จ่ายยังสูงลิ่วถึง 82,000 บาท ต่อแมตช์ เรื่องนี้สมาคมฯ ไม่เคยออกมาแจกแจงว่าเงิน 82,000 บาทนำไปใช้เป็นค่าอะไรบ้างในแต่ละเกม ซึ่งบางส่วนอาจลดค่าใช้จ่ายลงไปได้ จากผลกระทบของโควิด-19 แต่สมาคมฯ ก็เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น
งบประมาณที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้รับแต่ละปีจากหลายภาคส่วนที่เข้ามาสนับสนุนที่ไม่รวมเงินจากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยจากทรูวิชั่นส์ ยังมีองค์กรเอกชนอีกหลายแห่งที่ช่วยเหลือสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อาทิ คิง เพาเวอร์, ช้าง, เอ็ม-150, ธนาคารออมสิน ฯลฯ หรือเงินจากสปอนเซอร์หลักของไทยลีก อย่าง โตโยต้า ซึ่งเงินส่วนเหล่านี้ถามว่าจะนำมาบริหารจัดการให้เพียงพอต่อการใช้เทคโนโลยี VAR ให้ครบทุกแมตช์ไม่ได้เลยหรือ นอกจากนี้ล่าสุดก็เพิ่งจะได้รับการช่วยเหลือจาก Gulf บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านทรัพยากร พลังงาน และสาธารณูโภค ยิ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่า "เงิน" หายไปไหนหมด
เทคโนโลยี VAR ถือว่ามีความสำคัญยิ่งต่อวงการฟุตบอลไทย โดยเฉพาะในเวทีลีกสูงสุดที่มีมูลค่าการแข่งขันค่อนข้างสูงในแต่ละเกม ไม่ว่าจะทีมลุ้นแชมป์ หรือทีมลุ้นหนีตกชั้น ก็ล้วนแล้วแต่สำคัญเหมือนกันหมด เพราะหากทีมพลาดท่าจากการตัดสินของกรรมการที่ผิดพลาด ทำให้สูญเสียไปแม้แต่แต้มเดียว อาจส่งผลชี้เป็นชี้ตายต่อทีมนั้นๆเลยก็ว่าได้ ซึ่งการที่สมาคมฯ เลือกปฏิบัติ ใครมีเงินเยอะก็จะได้ใช้บริการ VAR ใครมีเงินน้อยก็อดใช้ไป แบบนี้มันดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควร
ช่วงหลังสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ภายใต้การบริหารงานของ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เริ่มจะโดนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานในหลายๆอย่าง แม้การทำงานในยุคนี้ดูจะชัดเจนและตรงไปตรงมา แต่ก็มีหลายเรื่องที่ดูจะ "ไม่ถูกใจ" แฟนบอลเสียเท่าไหร่
"บิ๊กอ๊อด" อาจจะกำลังตกที่นั่งลำบาก ทั้งเรื่องในสนามบอล หรือเรื่องนอกสนามบอล ยิ่งช่วงนี้คนขุดคุ้ยเรื่องในอดีตมาพูดถึงกัน เคยทำอะไรไว้สมัยที่ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดีไม่ดีอาจส่งผลถึง "เก้าอี้" นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในปัจจุบัน ถึงแม้จะเพิ่งชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 มาได้ แต่อนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้
ยิ่งประเด็น VAR ล่าสุด ถึงขั้นมีหลายฝ่ายเชียร์ให้ "มาดามแป้ง" ขึ้นไปนั่งเก้าอี้นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แทนที่ของ "บิ๊กอ๊อด" เลยทีเดียว ยิ่งเป็นเครื่องหมายคำถามว่าสุดท้ายแล้วการบริหารงานของ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ผ่านมาอาจ "เหลว" หรือไม่ ถ้ายังแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้เสียที...