xs
xsm
sm
md
lg

“ไลป์ซิก” ทีมโลโก้ “กระทิงแดง” โสเภณีฟุตบอลสมัยใหม่ ที่คน (เยอรมัน) จงเกลียดจงชัง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คนเยอรมันเกลียดทีม ไลป์ซิก
เวลานี้สังคมกำลังจับตามองว่าคดีอื้อฉาวของ “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทผู้บริหารกระทิงแดงประเทศไทย จะจบลงในรูปแบบไหน เพราะข้อกล่าวหาทั้ง ขับรถเร็ว, ชนแล้วหนี และขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามมากมายคาใจคนทั้งประเทศ แต่กลับไม่มีการฟ้องคดีอาญาและเพิกถอนหมายจับ จากกรณีซิ่งรถเฟอร์รารีชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2012

ในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมก็ว่ากันไป ส่วนกระแสสังคมก็พยายามกดดันทุกวิถีทางเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแบนธุรกิจต่างๆ ของตระกูลนี้ ซึ่งลำดับแรกหนีไม่พ้นไลน์เครื่องดื่ม นำโดยกระทิงแดงและผลิตภัณฑ์ในเครือต่างๆ การกระทำนี้เกิดขึ้นกับคนทุกเพศทุกวัยที่รู้สึกอยากต่อต้านอำนาจที่มีการนำมาใช้โดยมิชอบ

ขณะที่ต่างประเทศก็จับตาดูคดีนี้ เนื่องจากว่าเครื่องดื่มกระทิงแดงถือว่าแพร่หลายในระดับโลกภายใต้ชื่อ เรด บูล ที่นำไปปรับสูตรใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยแบรนด์นี้ได้เข้าไปมีธุรกิจเป็นเจ้าของทีมกีฬามากมาย อาทิ เรด บูล เรซซิ่ง แห่งศึก ฟอร์มูล่า วัน หรือ เอฟวัน กีฬายอดนิยมของคนรักความเร็ว รวมถึงสโมสร แอร์เบ ไลป์ ซิก ในศึกฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน ที่ติดลมบนไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แทบทุกปีในระยะหลังมานี้

ติโม แวร์เนอร์ ที่ย้ายไป เชลซี แล้ว
ผลงานฤดูกาลล่าสุด 2019-2020 ที่เพิ่งรูดม่านของ ไลป์ซิก ยอดเยี่ยมทีเดียว คือ จบอันดับ 3 เวที บุนเดสลีกา เยอรมัน คว้าตั๋วไปลุยศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รวมถึงมีดาวเด่นอย่าง ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าทีมชาติ “อินทรีเหล็ก” ที่กำลังจะย้ายไปเล่นให้ เชลซี ในปีหน้าด้วยค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์

แม้ในสนามจะทำได้อย่างโดดเด่น แต่อยากจะบอกว่าคนเยอรมันส่วนใหญ่ไม่ปลื้ม ไลป์ซิก ด้วยหลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นทีมเพิ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมปี 2009 หรือ 11 ปีก่อน ทำให้ไม่ค่อยมีเกียรติประวัติหรือประวัติศาสตร์ให้พูดถึงให้ภาคภูมิใจ แถมเติบโตขึ้นจากน้ำมือของชาวต่างชาติ คือ แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull GmbH ที่ซื้อสิทธิ์มาจาก มาร์กรานสตาดต์ สโมสร ดิวิชัน 5 ก่อนปลุกปั้นจนกระทั่งมีทุกวันนี้

ไลป์ซิก ยิ่งเทียบไม่ได้กับ บาเยิร์น มิวนิก แชมป์ลีกสูงสุด 30 สมัยพ่วงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 5 สมัย ถือเป็นทีมสันหลังของวงการลูกหนังเยอรมันที่ปลุกปั้นผู้เล่นระดับโลกประดับวงการลูกหนังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เกิร์ด มุลเลอร์ กับ ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ ขณะที่ทีมฉายา “กระทิงแดง” นั้นขึ้นมาจากเหตุผลด้านธุรกิจล้วนๆ

เรด บูล เรซซิ่ง แห่งศึก เอฟวัน
หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและวางระบบรากฐานของ ไลป์ซิก ก็คือ ราล์ฟ รังนิก ผู้อำนวยการด้านกีฬาคนดัง โดยอาศัยวิสัยทัศน์จากประสบการณ์ที่เคยคุม สตุ๊ตการ์ท กับ ชาลเก 04 มาแล้ว แต่เหนืออื่นใดก็ยากเปลี่ยนความคิดที่คนในประเทศต่างฝั่งรากลึกลงไปแล้วว่าเป็นทีมที่อยู่ในเงื้อมมือของชาวต่างชาติ

แน่นอนว่า ไลป์ซิก ถูกโจมตีต่างๆ จากสโมสรคู่แข่ง ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไร โดยเฉพาะประเด็นในเรื่องของการซื้อความสำเร็จ ขณะที่บรรดาสตาฟฟ์โค้ชหรือไม่ก็บอร์ดบริหารถูกตราหน้าขั้นรุนแรงว่าเป็นพวก “โสเภณีฟุตบอลสมัยใหม่” (whore of modern football) เพราะขายวิญญาณที่เงินสามารถซื้อได้

ดังนั้น ไม่ง่ายเลยที่ ไลป์ซิก จะเปลี่ยนความคิดที่ฝังรากลึกของคนเยอรมัน อีกทั้งโลโก้ของทีมยังย้ำเตือนด้วยรูปที่เป็นฉายาของทีม คือ “กระทิงสีแดง” (Die Roten Bullen) อันมาจากเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง

ซึ่งเมื่อเอ่ยถึง “กระทิงแดง” แน่นอนว่า เราย่อมนึกถึงทีมแข่ง เอฟวัน ที่ชื่อ “เรด บูล เรซซิง” ที่มีเจ้าของเป็นมหาเศรษฐีชาวออสเตรีย คือ ดีทริซ มาเตสชิตซ์ โดยเปิดตัวในวงการความเร็วเมื่อปี 2005 หลังซื้อกิจการต่อจาก จากัวส์ เรซซิง ปี 2004

“บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ที่กำลังหนีคดี
ทั้ง ไลป์ซิก และ เรด บูล เรซซิ่ง ก็เป็นของบริษัท Red Bull GmbH ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1984 โดย มาเตสชิตซ์ ชาวออสเตรีย กับ เฉลียว อยู่วิทยา ทั้งคู่ถือหุ้นคนละ 49 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 2 เปอร์เซ็นต์เป็นของ เฉลิม อยู่วิทยา ซึ่งก็เห็นพ้องให้ มาเตสชิตซ์ เป็นคนดูแลกิจการเสียส่วนใหญ่

แม้การบริหารจัดการเครื่องดื่ม “กระทิงแดง” กับ “เรด บูล เรซซิง” จะแยกกันทั้งหมด รวมถึง ไลป์ซิก แต่ก็ไม่วายถูกจับโยงกับคดีอื้อฉาว “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทผู้บริหารกระทิงแดงประเทศไทย ที่หนีคดีออกนอกประเทศจากการที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2012 เรียกได้ว่าอีรุงตุงนังกันไปหมด

ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่า 2 ค่ายรถดัง เมอร์เซเดส กับ เฟอร์รารี ปฏิเสธให้ความร่วมมือจัดส่งเครื่องยนต์ให้กับทาง เรด บูล เรซซิง เพื่อเป็นการต่อต้าน นั้นก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นความจริง เหนืออื่นใดคือเรื่องเหตุผลทางธุรกิจและผลงานในสนามมาเป็นลำดับแรกมากกว่า

สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ต้องแยกกันเป็นเรื่องๆ ไป เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาบังเอิญมาพัวพันกันแบบไม่ได้นัดหมาย ซึ่งถ้าถามว่าเรื่องฉาวที่เกิดขึ้นมีผลกระทบกับผลงานของ ไลป์ซิก รวมถึง เรด บูล เรซซิง หรือไม่ก็คงตอบว่าไม่ เพียงแต่เป็นรอยด่างของแบรนด์ที่เสียไปแล้วยากที่จะกู้คืนกลับมา เพราะเมื่อพูดถึงครั้งใดก็ย่อมไม่วายมีคนต้องขุดหรือสะกิดให้นึกถึงอยู่ร่ำไป



กำลังโหลดความคิดเห็น