คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
เหลืออีกราวๆ 2-3 วัน บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) กำลังจะเปิดฉากนับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม เนื่องจาก โควิด-19 แม้ว่าภายนอกยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นตัวชี้วัดว่า ผู้นำคนปัจจุบันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงด้านการรับมือโรคระบาด แต่ฝ่าย อดัม ซิลเวอร์ ประธาน สร้าง “บับเบิล” ไว้ที่ดิสนีย์ เวิลด์ เรียบร้อยแล้ว และยังไม่เห็นว่ามีข่าวน่าตกใจใดๆ ระหว่างเกมอุ่นเครื่อง หวังว่าแฟนๆ คงจะได้รับชมกันจนถึงตัดสินแชมป์
อัพเดตความเคลื่อนไหวสักเล็กน้อย สำหรับใครที่อาจลืมๆ ไปบ้าง การกลับมาแข่งขันต่อฤดูกาลปกติ 2019-20 ถูกหั่นเหลือ 22 ทีม ซึ่งทีมที่ถูกตัดออกจากทริปสู่รัฐฟลอริดา คือ ทีมที่หมดสิทธิ์ลุ้นเพลย์ออฟแน่นอนแล้ว แบ่งเป็น 6 ทีมจากสายตะวันออก ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์, ชิคาโก บูลล์ส, นิว ยอร์ก นิกส์, ดีทรอยต์ พิสตันส์, แอตแลนตา ฮอว์กส และ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส กับ 2 ทีมจากฝั่งตะวันตก มินเนโซตา ทิมเบอร์วูล์ฟส กับ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส รองแชมป์เก่า
สถานการณ์ฝั่งตะวันออก น่าจะการันตี 8 ทีม เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ พิจารณาอันดับ 9 วอชิงตัน วิซาร์ดส ถือว่าเป็นทีมหนึ่งที่ย่ำแย่สุด ตามหลังพื้นที่เพลย์ออฟ 5.5 เกม เหลือโปรแกรม 8 เกม แถมยังขาด 3 ตัวหลัก แบรดลีย์ บีล การ์ดแม่ทัพ กับ เดวิส เบอร์ตานส์ เซ็นเตอร์ชาวลัตเวีย ถอนตัวช่วง Restart ด้วยอาการเจ็บข้อมือ และทีมแทบไม่มีลุ้นติดท็อป 8 และ จอห์น วอลล์ การ์ดจ่าย เจ็บเอ็นร้อยหวาย
ส่วนอันดับ 7 บรูกลิน เน็ตส์ จะยังไม่มี เควิน ดูแรนท์ ซูเปอร์สตาร์แห่งแฟรนไชส์ กลับมาลงสนาม หลังบาดเจ็บตั้งแต่ซีซันที่แล้ว ไครี เออร์วิง การ์ดจ่าย ผ่าตัดหัวไหล่ปิดเทอมก่อนเพือน สเปนเซอร์ ดินวิดดี การ์ดจ่ายสำรอง กับ ทอเรียน ปรินซ์ และ ไมเคิล บีสลีย์ ติดไวรัสโคโรนา งานนี้อาจต้องพึ่งพาประสบการณ์ จามาล ครอว์ฟอร์ด จอมเก๋าวัย 40 ปี กับ คริส คิออซซา ผู้เล่นระดับ จี-ลีก สลับกันคุมบอล เพื่อประคองตัวติดโซนเพลย์ออฟ
ข้ามมาฝั่งตะวันตก อันดับ 10 นิว ออร์ลีนส์ เพลิแกนส์ ตามหลังพื้นที่เพลย์ออฟแค่ 3.5 เกม เพิ่งจะมีข่าวดี ไซออน วิลเลียมสัน ฟอร์เวิร์ดนัมเบอร์วันดราฟต์ ผ่านกักตัวและกลับมาฝึกซ้อมกับเพื่อนๆ เรียบร้อยแล้ว แถมโปรแกรม 6 จาก 8 เกมสุดท้าย ยังเจอทีมที่มีเปอร์เซ็นต์ชนะต่ำกว่า 50 อาทิ อันดับ 12 ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส, อันดับ 11 ซาคราเมนโต คิงส์ 2 เกม, วิซาร์ดส, ออร์แลนโด แมจิก และเกมสำคัญกับ เมมฟิส กริซซ์ลีส์ ซึ่งหากพวกเขาเอาชนะได้ ก็มีสิทธิ์ขยับขึ้นที่ 8
ปิดท้ายด้วยจ่าฝูง แอลเอ เลเกอร์ส ซึ่งยุติการรอคอยอันยาวนาน 6 ซีซัน คว้าสิทธิ์เข้าเพลย์ออฟตั้งแต่ก่อนเบรกโควิด เท่ากับ 8 เกมสุดท้าย เป็นบททดสอบอย่างแท้จริงก่อนเข้าสู่โพสต์ซีซัน ด้วยโปรแกรมหฤโหด เผชิญหน้าทีมเพลย์ออฟ 7 เกม อาทิ แอลเอ คลิปเปอร์ส, โตรอนโต แร็พเตอร์ส แชมป์เก่า, ยูทาห์ แจซซ์, โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์, ฮูสตัน ร็อคเก็ตส์, อินเดียนา เพเซอร์ส และ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ก่อนจบด้วยงานเบา พบ คิงส์ ส่งท้ายเรกูลาร์ ซีซัน
ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ แฟรงค์ โวเกล เฮดโค้ช จะใช้งาน เลอบรอน เจมส์ กับ แอนโธนี เดวิส อย่างไร ซึ่งตามสถานการณ์พวกเขานำห่าง คลิปเปอร์ส 5.5 เกม โอกาสคว้าอันดับ 1 ราว 70-80 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แถมสิทธิ์ โฮม ฟิลด์ แอดแวนเทจ ก็ไร้ความหมาย เนื่องจากแข่งสนามกลาง จึงอาจเป็นสังเวียนเคาะสนิมของผู้เล่นที่ห่างหายไปนานกว่า 1 ซีซันอย่าง เจ.อาร์.สมิธ มากกว่า และทดลองระบบการเปลี่ยนตัวก่อนถึงเพลย์ออฟ
การ Restart ของ NBA ที่แฟนๆ กีฬายัดห่วงต่างเฝ้ารอ อาจดูคล้ายๆ ลีกยุโรปหลายแห่งที่ปิดซีซันเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ถ้วย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก กับ ยูฟา ยูโรปา ลีก ช่วงแรกต้องใช้เวลาจับจังหวะ และปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ เพราะความฟิตไม่ได้อยู่ในระดับแข่งขัน หากจะเรียกแบบโก้ๆ ตามเกมเมเนเจอร์ ก็คือ “Match Fitness” หากดาวดังต้องพักยาว เพลย์ออฟมันก็อาจจะกร่อยๆ เล็กน้อย
