xs
xsm
sm
md
lg

“วอชิงตัน เรดเทลส์” เพื่อเกียรติของคนผิวสี / MVP

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP

ก่อนเข้าเรื่องของ วอชิงตัน เรดสกินส์ ขอเริ่มด้วยประเด็น แพทริค มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็ก แคนซัส ซิตี ชีฟส์ จรดปากกาต่อสัญญา 10 ปี มูลค่า 50 3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ เฉลี่ยปีละ 50.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสัญญาระดับนี้ มักเห็นกันใน เมเจอร์ ลีก เบสบอล (MLB) มากกว่า และเท่าที่ติดตาม อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) มาหลายปี ก็ไม่เคยเห็นใครมีมูลค่าเกินครึ่งร้อยล้านเหรียญมาก่อน

ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ มาโฮมส์ ซึ่งประสบความสำเร็จตลอดการทำหน้าที่ตัวจริง 2 ซีซันแรก คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ทั้งฤดูกาลปกติ กับ รอบชิงชนะเลิศ รวมถึงแชมป์ ซูเปอร์โบว์ล เขาอาจจะเป็นสุดยอดผู้เล่นตลอดกาลของ NFL ก็เป็นได้ หากเทียบกราฟเส้นทางอาชีพที่กำลังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงของ ชีฟส์ เร็วๆ นี้ โดยเฉพาะเฮดโค้ช แอนดี หรีด วัย 62 ปี อาจคุมทีมต่ออีกไม่เกิน 3 ซีซัน

วงจรกีฬาอย่าง NFL การครองความยิ่งใหญ่ของแต่ละทีมมันช่างสั้นนัก ถึงแม้ทีมๆ นั้นจะเก่งกาจปานใด ก็ใช่ว่าจะเข้ารอบชิงฯ แล้วเป็นแชมป์เสมอไป เราเคยเห็นควอเตอร์แบ็กหนุ่มๆ โดดเด่นขึ้นมาเพียงชั่ววูบก็หลายคน เช่น ทิม ทีโบว์ หรือ โรเบิร์ต กริฟฟิน เดอะ เธิร์ด แต่ที่แน่ๆ “เคซี” คงจะเชื่อมั่น มาโฮมส์ ขับเคลื่อนทีมบุกต่อไปอีกนาน เพราะสัญญาผูกมัดนานขนาดนี้ กับ มูลค่ามหาศาล การเทรดหรือปล่อยตัวทิ้งคงลำบาก มีเพียงกาลเวลาเท่านั้นที่จะตัดสินว่า แคนซัส ซิตี คิดถูกหรือผิด

เกริ่นมายืดยาวพอแล้ว สัปดาห์นี้ก็หยิบเรื่องเบาๆ หาก วอชิงตัน ไม่ใช่ เรดสกินส์ แล้วจะเป็นอะไร? ความจริงดราม่านี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ 2013 กลุ่มคนเชื้อสายชาวพื้นเมือง รู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่น กรณี เรดสกินส์ ใช้ตรา “อินเดียนแดง” เป็นโลโก้ประจำทีม อันนี้ขอ No Comment เพราะเป็นความรู้สึกของคน และตัวเองก็เป็นคนไทย เกิดและเติบโตที่ไทย ไม่มีวันเข้าใจหัวอกพวกเขาเลยว่า แบบไหนที่ทำให้รู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม ก็แค่เสพกีฬา , คุ้นเคยกับชื่อนี้มาตลอด โดยไม่เคยคิดว่าเป็นการเหยียดเพื่อนมนุษย์

ทว่ากระแสต่อต้านเหยียดผิว เกิดขึ้นทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา และทั่วโลก นับตั้งแต่ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี ถูกตำรวจกระทำรุนแรงเกินเหตุ กระทั่งเสียชีวิต ลุกลามถึงวงการกีฬา เช่น บุนเดสลีกา เยอรมัน , พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ และล่าสุด ฟอร์มูลา วัน สนามแรกของปี 2020 รายการ “ออสเตรียน กรังปรีซ์” สุดสัปดาห์ แกนนำนักซิ่งอย่าง ลูอิส แฮมิตัน แชมป์โลก 6 สมัย ยังนั่งคุกเข่าประท้วงเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างแรงกดดันต่อ แดน สไนเดอร์ เจ้าของทีม เรดสกินส์ ต้องทบทวนเปลี่ยนชื่อ นอกเหนือจาก “เฟดเอ็กซ์” สปอนเซอร์รายใหญ่

หากชื่อ เรดสกินส์ ที่ผมรู้จักมาตั้งแต่ แบรด จอห์นสัน เป็นควอเตอร์แบ็ก ต้องสูญหายไป ฉายาที่ผมรู้สึกชอบมากสุด ตามที่ค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ต คือ เรดเทลส์ (Redtails) ซึ่งเคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เมื่อปี 2011 ยกย่องวีรกรรม “ฝูงบินทัสคีจี (Tuskegee Airmen)” ที่ประกอบด้วยเหล่าเสืออากาศผิวสี สมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 แสดงฝีมือการรบจนเหล่านักบินผิวขาวที่เคยปรามาสต้องตกตะลึง และคำว่า “เรดเทลส์” สื่อถึงเครื่องบินของเหล่านักบินแอฟริกัน-อเมริกัน ที่มีปีกหลังสีแดง ฟังดูที่มาแล้วบอกเลยว่า คนผิวสีดูยิ่งใหญ่สุดๆ

ส่วนชื่ออื่นๆ ที่ดูเข้าท่า แต่ไม่ค่อยน่าเชียร์ คือ วอชิงตัน ฮ็อก หรือ เรด ฮ็อก ซึ่งมีที่มาจาก “เดอะ ฮ็อก (The Hog)” ฉายาเหล่า ออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน ทั้ง 5 ของ เรดสกินส์ ชุดแชมป์ ซูเปอร์โบว์ล 3 สมัย ยุค 1980-1990 ดูสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของ สไนเดอร์ ที่ต้องการแสดงออกถึงความภูมิใจของประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรของแฟรนไชส์ แต่อย่างที่แฟนๆ ลูกหนังชอบบลัฟกันว่า จมกับอดีต แถมคำว่า Hog หมายถึง หมู ดูไม่น่าเกรงขามเลย ส่วนฉายา “เรดฮอว์กส” ก็เป็นชื่อทีมฮ็อคกีน้ำแข็ง มหาวิทยาลัยไมอามี เปลี่ยนมาจาก “เรดสกินส์” ปี 1997-1998 เหมือนๆ ลอกข้อสอบกันมา

สุดท้ายแล้ว วอชิงตัน เรดสกินส์ จะยังตงเป็น วอชิงตัน เรดสกินส์ ตามอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ใครๆ ว่า เป็นประธานาธิบดีจอมเหยียดพยายามปกป้องอยู่หรือไม่ , การเปลี่ยนชื่อจะเป็นเพียงสิ่งที่ สไนเดอร์ แถลงออกมา เพื่อลดความกดดันจากสังคม กับ หุ้นส่วนด้านธุรกิจ และกระบวนการเปลี่ยนชื่อจะต้องใช้เวลานานสักเท่าไร อย่างเราก็ทำได้แค่ติดตามกันต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น