คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ
ก่อนหน้านี้มีแฟนบอล รวมถึงผู้บริหารสโมสรหลายคนออกมาบ่นเรื่อง มูลค่านักฟุตบอลไทยลีก ว่ามันออกจะสูงเกินความเป็นจริง ลองดูข้อมูลภาพรวมจากแฟนเพจ ASEAN FOOTBALL เคยระบุว่ามูลค่านักเตะต่างชาติที่ค้าแข้งในไทยลีกนั้น ติดอันดับสูงสุดของลีกอาเซียน โดยอยู่ที่ 374.367 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท รองลงมาเป็น อินโดนีเซียซูเปอร์ลีก อยู่ที่ 286.956 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนอันดับ 3 เป็น ลีก้า ซูเปอร์ มาเลเซีย ลีกของประเทศมาเลเซีย อยู่ที่ 278.846 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อันดับที่ 4 เป็น วีลีก ประเทศเวียดนาม อยู่ที่ 200.806 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ไม่ต้องพูดถึงค่าตัวนักฟุตบอลในประเทศระดับบิ๊กเนมดีกรีทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่เห็นได้ชัดว่าซื้อขายกันแตะละทีในลีกนี่ ทีมเล็กๆ ได้แต่มองกันตาปริบๆ ทีนี้พอมูลค่าผู้เล่นในลีกสูงมากๆ ก็กลายเป็นว่าพอนักเตะคนนี้ฝีเท้าดี จะไปเล่นในลีกต่างแดนอย่าง เจลีก ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากยึดตามมูลค่าในประเทศหละคงไม่ได้ย้ายแน่ จึงได้เห็นหลายสโมสร ออกมาประกาศว่า หากมีความสนใจจากลีกที่เหนือกว่าอย่าง เจลีก หรือ เคลีก ไม่ต้องทุ่มเยอะ เขาพร้อมปล่อย เพื่อพัฒนาฝีเท้า และอนาคตที่ดีขึ้นของนักเตะ
ทีนี้พอถึงช่วงวิกฤติจากไวรัสโควิด-19 ฟุตบอลลีกบ้านเราต้องหยุดไปตั้งแต่เดือนมีนาคมที่่ผ่านมา โดยมีกำหนดกลับมาดวลกันใหม่ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งก็ยังลุ้นกันว่าการกลับมาครั้งนี้จะเป็นรูปแบบอย่างไร มีผู้ชมแบบเว้นระยะห่างได้หรือไม่ หรือแข่งกันแบบปิดสนิท แง้มให้แฟนบอลรับชมจากการถ่ายทอดสดเท่านั้น
นอกจากรูปแบบที่ยังไม่ชัดว่าจะเอาอย่างไรดี แต่ที่ชัดแล้วคือเราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง นั่นคือ หลายๆ สโมสร เริ่มพบเจอกับวิบากกรรมจากวิกฤติเศรษฐกิจกันแล้ว เนื่องจากสโมสรไทยลีก ส่วนใหญ่มีรายได้จากผู้สนับสนุนราวราวร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือสักร้อยละ 20 ก็น่าจะมาจากแฟนบอล ดังนั้นเมื่อธุรกิจส่วนใหญ่เจอวิกฤติ การจะมาเจียดงบประชาสัมพันธ์องค์กรห้างร้านทั้งหลายมาถมทีมไทยลีกเพื่อสร้างภาพลักษณ์นั้นก็ต้องงดไป
ดังนั้นเราจึงได้เห็นข่าวว่าโรงงานน้ำตาลใหญ่ ประกาศไม่ต่อสัญญากับสโมสรดังออกไปอีก เช่นเดียวกับที่เราได้เห็นสโมสรจอมปั้นดาวรุ่ง ต้องยอมปล่อยนักเตะคู่แฝดออกจากทีม เนื่องจากงบประมาณสโมสรที่เคยวางไว้ว่าพอเพียงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึง ตุลาคมนั้น มันไม่เพียงพอ เพราะระยะเวลาแข่งขันถูกขยายไปถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า จากการหยุดแข่งขันไปหลายเดือน สโมสรในลีกสูงสุดว่าลำบากแล้ว ลองหันไปมองทีมเล็กๆ ในลีกระดับล่างอย่างไทยลีก 3 สิครับหนักเช่นกัน หลายทีมแฟนบอลก็เริ่มภาวนาว่าขออย่าให้ต้องล้มหายตายจากกันไปเลย
แต่ในเรื่องแย่ๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆ คือ เราได้เห็นสโมสรฟุตบอลที่เป็นโคตรอภิมหาเศรษฐีของเมืองไทย คือขณะที่หลายสโมสรเขาลำบากกัน แต่บางทีมกลับสามารถทุ่มซื้อผู้เล่นฝีเท้าดีๆ มายกระดับทีมได้ ซึ่งหากมองในภาพรวมก็ได้แต่หวังว่าวิกฤติครั้งนี้ เราอาจได้เห็นการปรับโครงสร้างของลีกกันใหม่ในอนาคต เหมือนที่เราได้เห็นการยุบรวมของไทยลีก 4 มารวมกับไทยลีก 3 นั่นแหละครับ