คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ในสภาวะที่มีโรคระบาดไปทั่วโลก มันไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรระดับโลกหรือระดับชาติก็ย่อมมีมาตรการในการปฏิบัติอยู่แล้ว เช่น จำกัดวงมิให้แพร่กระจาย รักษาผู้ป่วยให้โรคหาย และเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ ทางเศรษฐกิจ หากผู้นำรัฐบาลใช้เวลาหารือภายในเวลาไม่กี่วันแล้วเร่งดำเนินการ ไม่ต้องรั้งรอเวลามานานร่วม 3 เดือนให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต สุขภาพ และเศรษฐกิจของประชาชนทั้งประเทศมากขนาดนี้ มันก็คงไม่มีใครมารุมสวดรัฐบาลอย่างในเวลานี้ การประวิงเวลาดังกล่าว ใครๆก็อาจเข้าใจไปได้ว่า เอ็งกำลังกันผลประโยชน์ให้ใครหรือเปล่า จบงานนี้ ผมปลด ผู้อำนวยการ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization - WHO) คนแรกเลย ตามด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้ง นายกรัฐมนตรี ด้วย
งานกีฬาใหญ่ยักษ์ของปีนี้คือ โตเกียว 2020 (Tokyo 2020) มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ หรือ โอลิมปิคส์ ฤดูร้อน ครั้งที่ 32 ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กำลังจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม ถึง 9 สิงหาคมนี้ ซึ่งคงต้องมีการเลื่อนออกไปอย่างแน่นอน เนื่องจาก โคโรนาวายรัส (COVID-19) ยังคุกคามอยู่อย่างไม่จบสิ้น อยู่ที่ว่าจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อไรเท่านั้น แม้ว่า ชินโสะ อาเบะ (Shinzo Abe) นายกรัฐมนตรีของ ญี่ปุ่น ยืนยันจะยังคงจัดการแข่งขันตามกำหนดเดิม แต่ โทมัส บั๊ค (Thomas Bach) ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคสากล (International Olympic Committee - IOC) กำลังนัดหารือเพื่อพิจารณา 3 ทางเลือกคือ ให้เลื่อนไปจัดใน ฤดูใบไม้ร่วง 2020 ฤดูร้อน 2021 หรือในปี 2022 ไปโน่นเลย
ไม่ว่า IOC จะตัดสินใจอย่างไร ล้วนมีผลกระทบต่อ ญี่ปุ่น ทั้งสิ้น เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในสภาพง่อนแง่นอยู่แล้วจากโรคระบาดดังกล่าว นี่ถ้าต้องยกเลิกการแข่งขันในปีนี้อีก ทั้ง โนมูระ (Nomura) และ นิกโกะ (Nikko) สถาบันทางเศรษฐกิจของ ญี่ปุ่น ต่างก็คาดการณ์ว่า ต้องเกิดเศรษฐกิจถดถอยประมาณ 1.4 - 1.5 % ซึ่งก็ถือว่าหนักแล้ว นับเป็นมูลค่าถึง 6.5 หมื่นล้าน ยูโร หรือประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท ทีเดียว
ผมได้อ่านรายงานของ โนมูระ เขาชี้แจงว่า ญี่ปุ่น ต้องชวดรายได้ประมาณ 2.02 พันล้าน ยูโร ที่เกิดจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาชมการแข่งขันราว 6 แสนคน อันนี้ไม่ได้เกินเลยไปครับ รัฐบาลเองก็ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขประมาณการว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นทั้งปีถึง 40 ล้านคนด้วยซ้ำ ซึ่งในจำนวนนี้ 1 ใน 3 เป็นชาวจีน และลำพังเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โคโรนาวายรัส ก็ทำให้สูญเสียนักท่องเที่ยวทั้ง จีน และ เกาหลีใต้ ไปแล้ว 58.3 %
ในด้านการท่องเที่ยวนั้น ญี่ปุ่น มีงาน 4.6 ล้านจ๊อบ ซึ่งคิดเป็น 6.9 % ของงานทั้งประเทศ และเป็น 7.4 % ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product - GDP) ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะ ที่พักแบบปล่อยเช่าระยะสั้นแบบพวก Airbnb (Private Lodging Business) ที่ ญี่ปุ่น เรียกว่า มิงปากุ (Minpaku) ต้องกระทบกระเทือนไปด้วย อันนี้ นับเป็นความเสียหายประมาณ 1.01 พันล้าน ยูโร หรือประมาณ 3.6 หมื่นล้าน บาท
นอกจากนั้น เรื่องสำคัญอีกอย่างคือ หมู่บ้านนักกีฬา ที่ไปสร้างบนพื้นที่ 86.8 ไร่ ในอ่าวโตเกียว มูลค่า 11.4 พันล้าน ยูโร หรือประมาณ 4.04 แสนล้าน บาท ที่ ศาลาว่าการกรุงโตเกียว ออกทุนให้ 5 พันล้าน ยูโร คณะกรรมการจัดการแข่งขันของ ญี่ปุ่น 5.08 พันล้าน ยูโร และรัฐบาลร่วมด้วยอีก 1.3 พันล้าน ยูโร แถมบริษัทห้างร้านต่างๆทั้งเล็กใหญ่ร่วมกันลงทุนงานนี้รวมแล้วเป็นประวัติกาณ์จำนวนถึง 2.9 พันล้าน ยูโร นี่เป็นโครงการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดใน กรุงโตเกียว ในเวลานี้ ซึ่งหลังจบการแข่งขัน หมู่บ้านนักกีฬาดังกล่าวจะแปรเปลี่ยนเป็นเขตที่พักอาศัย มีการขายไปแล้วด้วยครับ
เขาทำเป็นอพาร์ทเม้นท์แบบ 14-18 ชั้น ทั้งหมด 23 อาคาร รวมทั้งสิ้น 5,632 ยูนิต แต่ละยูนิตที่มีพื้นที่ต่างๆกันระหว่าง 60 – 110 ตารางเมตร ราคาขายอยู่ที่ยูนิตละ 4.2 – 9 แสน ยูโร กำหนดปรับเปลี่ยนอพาร์ทเม้นท์ทันทีหลังจากจบ โอลิมปิค เกมส์ ไปจนถึงปี 2024 โดยเริ่มโอนได้ตั้งแต่กลางปี 2023 หาก โตเกียว 2020 ต้องเลื่อนออกไป ซึ่งยังไม่รู้ว่าเลื่อนไปถึงไหน โครงการขายอพาร์ทเม้นท์ก็ต้องถูกแช่แข็ง อันนี้ต้องคิดถึงค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ให้กับผู้ซื้อด้วย ซึ่งย่อมเป็นจำนวนเงินค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอีกนะครับ