xs
xsm
sm
md
lg

"เอียงทุกที่ ที่มีเปา" ไทยแลนด์ แดนกะลา (2/2) / กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

ผมไม่เคยเชื่อว่า ในโลกของเราจะมีเซียนเหนือเซียนทางด้านกฎหมาย เพราะแม้ว่ามันจะมีความสลับซับซ้อนขนาดไหน คนเป็นล้านก็ยังเรียนรู้และเข้าใจได้ แต่ความจริงมันก็แค่กลุ่มคนที่ฉ้อฉล เล่นกลกับกฎหมาย ซุกซ่อน หมกเม็ดถ้อยคำ โดยเฉพาะใครกุมอำนาจก็ย่อมเขียนกฎหมายให้เป็นกฎเกณฑ์อย่างไรก็ได้ และเมื่อถึงเวลาใช้ หากติดขัด พันขาฝ่ายตนเอง เกิดตีบตันตรงไหน ก็แถล็ดแถไถไปข้างๆคูๆเอาให้เป็นคุณกับฝ่ายตนหน้าตาเฉย ผมจึงสรุปว่า กฎหมายในยุคนี้ ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพราะมันขึ้นอยู่กับว่า “ ใคร ” เป็นคนใช้ และนำไปใช้กับ “ ใคร ” ยิ่งไปกว่านั้น องคาพยพในกระบวนการยุติธรรมดันคำนึงถึงผลประโยชน์ความอยู่รอดของตน จึงเอนเอียง พิกลพิการไปกันใหญ่

ผมถาม เปาปุ้ม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พงศธร เพิ่มพานิช อดีตผู้ตัดสินระดับฟีฟ่า ว่า แล้วทุกวันนี้ ผู้ตัดสินฟุตบอลมีการแบ่งฝักฝ่ายกันกี่พวกกี่ฝ่าย ก็ได้รับคำตอบว่า มี 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่สมาคมฯเรียกมาใช้งาน กับ ฝ่ายที่สมาคมฯไม่เรียกมาใช้งาน อันนี้อธิบายได้ในตัวของมันเอง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ย่อมประกอบด้วย เปาที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ มั่นคงตรงไปตรงมา ไม่เอนเอียง และเปาที่มักมีปัญหา ถูกสงสัยในความซื่อตรงต่ออาชีพหรือเป่าตามใบสั่ง และเปาที่แม้จะคลีน แต่ยังอ่อนด้วยความรู้และประสบการณ์ ฯลฯ

เรื่องการจัดตั้งสมาคมผู้ตัดสิน เปาปุ้ม เผยความในใจว่า ตนทำหน้าที่ผู้ตัดสินให้ สมาคมฯ และ ฟีฟ่า มากว่า 20 ปี หลังจากนั้นก็เป็นวิทยากรสอนเรื่องการตัดสินให้สมาคมฯมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง สอนในวิทยาลัยพลศึกษาหรือมหาวิทยาลัยการกีฬาในปัจจุบัน สร้างผู้ตัดสินออกสู่สังคมจำนวนมากจนเป็นที่ประจักษ์ แต่จู่ๆก็ถูกอำนาจมืดมายุติงานที่ตนรัก โดยไม่ทราบสาเหตุ

ด้วยความเป็นครูและรักการสอนบวกกับความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตจึงปรึกษาหารือกับอดีตผู้ตัดสินฟีฟ่าหลายคนที่อยู่แถวหน้าในอดีตที่สมาคมฯไม่ใช้งานและผลักดันออกจากสมาคมฯโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอดีตผู้ตัดสินฟีฟ่าเหล่านั้นล้วนผ่านงานการตัดสินทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างโชกโชน และได้รับการยอมรับให้ทำหน้าที่ตัดสินในรายการใหญ่ๆหลายคน จึงมีความต้องการใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ถ่ายทอดให้กับผู้ต้องการเป็นผู้ตัดสิน

ครั้นจะออกทำงานโดยไม่มีองค์กรรองรับเป็นเรื่องเป็นราว มันก็คงไม่ถูกต้อง จึงต้องทำให้ถูกกฎหมาย เพราะในต่างประเทศเขาก็มีการจดทะเบียนเป็น สมาคมผู้ตัดสินกีฬาฟุตบอล นั่นจึงเป็นแนวทางให้ดำเนินการจดทะเบียนสมาคม ซึ่งขณะนี้ก็ผ่าน การกีฬาแห่งประเทศไทย แล้ว คงเหลือรอการประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็เรียบร้อย

อันนี้ ผมก็ต้องถามไปตรงๆว่า เรื่องผู้ตัดสินนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็กำกับดูแลอยู่แล้ว เพียงแต่เราเป็นฝ่ายที่เขาไม่ได้เรียกใช้งานหรืออย่างไร เปาปุ้ม บอกว่า คงเป็นเรื่องบังเอิญเพราะการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินฟุตบอลภายในประเทศไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม พอเห็นผมจดทะเบียนก็คงอยากเห็นความหวังใหม่ๆ ในส่วนต้ว ตนเห็นวงการผู้ตัดสินถูกตำหนิ ต่อว่าต่างๆนานา ก็รู้สึกไม่สบายใจเพราะเป็นองค์กรที่เรารักและผูกพัน

สมัยก่อนผู้ตัดสินที่จะขึ้นมาทำงานในลีกสูงสุดหรือเป็นผู้ตัดสินระดับฟีฟ่าได้นั้น ต้องผ่านการฝึกฝนและทำหน้าที่มาโดยใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี แต่ในปัจจุบัน บางคนเป็นผู้ตัดสินสมาคมฯไม่กี่ปี ประสบการณ์ยังน้อย ไม่ผ่านขั้นตอนตามระบบการพัฒนาของผู้ตัดสิน ก็กระโดดข้ามหัวคนอื่นๆไปเป็นผู้ตัดสินระดับฟีฟ่าแล้ว อันนี้ด้วยสาเหตุใดคงไม่สามารถบอกได้ แต่เห็นหลายคนบอกว่า เด็กเส้น เป็นเด็กของผู้มีอำนาจ

ผมยิงตรงๆเลยว่า ก็มันจะเป็นองค์กรซ้ำซ้อนกับของ สมาคมกีฬาฟุตบอล แล้วเขาจะต้องมาใช้บริการของ สมาคมผู้ตัดสิน หรือ เปาปุ้ม ชี้ว่า สมาคมผู้ตัดสิน ไม่ได้ตั้งมาเพื่อทำงานแข่งขันกับสมาคมฟุตบอลฯ แต่ทำเพื่อสังคมฟุตบอลเพื่อให้มีผู้ตัดสินที่ดี มีความรู้ มีจรรยาบรรณออกไปบริการสังคม ซึ่งในปัจจุบันมีสนามฟุตบอลผุดขึ้นมากมาย อันนี้จะได้มีผู้ตัดสินที่มีความรู้ไปช่วยควบคุม ทำให้เกมฟุตบอลสมบูรณ์ขึ้น และในอนาคต หากสมาคมฯเห็นความสำคัญก็คงได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน ซึ่งสมาคมผู้ตัดสิน ควรเป็นองค์กรอิสระ ที่ไม่มีใครครอบงำ ไม่ต้องยอมทำหน้าที่เพื่อตอบแทนใคร ไม่ต้องยอมแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับใคร เพื่อความอยู่รอดของตนหรือตำแหน่งที่สูงขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น