หลังจากที่ทัพจอมเตะไทย คว้าเหรียญรางวัลรวมในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ได้ทั้งหมด 7 ทอง 3 เงิน 6 ทองแดง แบ่งเป็นประเภทต่อสู้ 6 ทอง 1 เงิน 3 ทองแดง และประเภทพุมเซ่ 1 ทอง 2 เงิน 3 ทองแดง
โดยจอมเตะไทยยังคงต้องเดินหน้าเตรียมควอลิฟายเพื่อคว้าโควต้าเข้าไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปีหน้า ซึ่งตอนนี้มีเพียง “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนพิจ จอมเตะสาวเบอร์ 1 ของโลก ในรุ่น 49 กก.หญิง ที่ได้โควต้าแล้วคนเดียวเท่านั้น
ด้าน “บิ๊กเอ” ผศ.ดร.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับโอลิมปิกเกมส์ตอนนี้คงต้องมองที่เทนนิสเป็นหลัก ช่วงนี้จะต้องให้รักษาตัว รักษาสุขภาพให้ดี อย่างในการแข่งขันซีเกมส์ที่ผ่านมา ก็ให้ระวังเรื่องอาการบาดเจ็บ เพราะเรารู้ว่าชนะอยู่แล้ว แต่อาจจะมีจังหวะที่คู่แข่งเตะไม่ดีทำให้เราบาดเจ็บด้
“ส่วนนักกีฬาคนอื่นๆ อย่างเช่นจูเนียร์ (รามณรงค์ เสวกวิหารี) ก็กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีมาก มีโอกาสที่จะลุ้นไปถึงเหรียญโอลิมปิกเกมส์ได้เช่นกัน ซึ่งตอนนี้ได้ 1 โควต้าจากเทนนิส ก็ยังอยากจะได้อีกสัก 2 ที่”
ประมุขจอมเตะไทย กล่าวต่อว่า เรื่องโควต้าต้องบอกว่ามันไม่แน่นอนเพียงแต่ว่าตัวเก่งๆ ก็คว้าโควต้าไปหมดแล้วตามแรงค์กิ้งของตัวเอง ซึ่งแม้ว่าของไทยอาจจะไม่ติด แต่เวลาคัดเลือกก็จะทำให้มีโอกาสมากขึ้นเช่นกัน
ขณะที่ “โค้ชเช” เช ยอง ซ็อก เฮดโค้ชจอมเตะไทย กล่าวว่า หลังจากกลับไปคงจะต้องเตรียมตัวให้ดีก่อนจะถึงเดือนเมษายนที่จะไปคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์ที่ประเทศจีน ยังหวังว่าจะได้เพิ่มอีกสัก 2 โควต้า แต่ส่วนใครจะมีโอกาสมากกว่ากันนั้น คงต้องขอกลับไปดูตอนที่ซ้อมอีกครั้ง
ทั้งนี้ เมื่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ประเทศบราซิล นักกีฬาเทควันโดไทยสามารถคว้าโควต้ามาได้ทั้งหมด 3 ที่นั่ง จาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ, “เทม” เทวินทร์ หาญปราบ และ “นก” พรรณนภา หาญสุจิตน์ และได้ 1 เหรียญเงินจากเทวินทร์ และ 1 ทองแดงจาก พาณิภัค